เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัด กทม. นายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ผู้แทนกรมทางหลวง (ทล.) เทศบาลสำโรงเหนือ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจการบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่รอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครกับ จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่บริเวณปากซอยถนนสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ถึงถนนสุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง) หลังจัดประชุมความร่วมมือการบริหารจัดการน้ำระหว่าง กทม.และ 5 จังหวัดปริมณฑล เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ถนนสุขุมวิท บริเวณสถานีไฟฟ้าแบริ่ง ซอยลาซาลและซอยแบริ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับ จ.สมุทรปราการ ซึ่งถนนอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จึงต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่และวัสดุอุปกรณ์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดฝนตกหนักและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เนื่องจากถนนสุขุมวิทมีจุดอ่อนเป็นถนนที่มีความยาว เป็นแอ่งกระทะ และวางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ไม่ได้ เพราะติดแนวสาธารณูปโภค กทม.จึงสร้างระบบระบายน้ำด้วยวิธีดันท่อลอด หรือไปป์แจ็คกิ้ง รวม 10 โครงการ โดยบริเวณถนนสุขุมวิท 107-คลองบางนา เขตบางนาเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง แต่คาดว่าจะไม่ทันหน้าฝนปีนี้ แต่จะมีอย่างน้อย 3-4 โครงการ จะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า เบื้องต้น กรมทางหลวงได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณถนนสุขุมวิท รวม 15 เครื่อง แต่ชำรุด 5 เครื่อง กทม.จึงให้ยืมเครื่องสูบน้ำ พร้อมให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำชนิดใช้น้ำมันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันกรณีเกิดไฟฟ้าดับ
“ประชาชนในละแวกนี้มีประมาณ 1 ล้านคน รับไม่ได้กับปัญหาน้ำท่วมขังที่ต้องใช้เวลาระบายน้ำร่วม 3-4 ชั่วโมง เว้นแต่จะเป็นกลุ่มฝนพันปี ซึ่งมีปริมาณฝน 150-200 มิลลิเมตร (มม.) ขึ้นไป หากฝนตกปกติ 50-60 มม.ไม่ควรใช้เวลาระบายน้ำมาก จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ต้องระบายให้น้ำแห้งเป็นปกติภายใน 30 นาที หากทำไม่ได้จะให้เจ้าหน้าที่ใช้หลอดดูด ส่วนพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมประมาณ 17 จุดทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น คาดว่าโครงการไปป์แจ็คกิ้งแล้วเสร็จในปี 2562 ซึ่งกรุงเทพฯ จะเหลือจุดอ่อนน้ำท่วมอีกเพียง 10-11 จุดเท่านั้น” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว
