มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 7 มิ.ย.2559
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงเรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการมาให้ใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ด้วยการกำหนดดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้นอกระบบไม่เกิน 15% ต่อปี โดยได้หารือไปยังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว และพลเอกประยุทธ์ก็เห็นด้วย
ต่อไปการปล่อยกู้นอกระบบต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ถ้าเกินถือว่าผิดกฎหมาย จับติดคุก ทุกวันนี้ปล่อยกู้เกินกันทุกราย กระทรวงการคลังจะให้โอกาสสำหรับเจ้าหนี้นอกระบบให้มาทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ด้วยการจดทะเบียนทำธุรกิจ พิโคไฟแนนซ์ (โครงการสินเชื่อเพื่อประชาชนใช้บริโภคกรณีฉุกเฉิน) สามารถปล่อยกู้ในลักษณะเงินด่วน คิดดอกเบี้ยสูงสุด 36% เท่ากับนาโนไฟแนนซ์ (สินเชื่อเงินกู้สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้มีรายได้ไม่แน่นอน) คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในหลังเดือนมิถุนายน
ในการแก้ปัญหานอกจากมาตรา 44 และพิโคไฟแนนซ์แล้ว ยังดึงธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้มาช่วยดูแล ทั้งการปล่อยสินเชื่อ และการให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลอย่างถาวร
นอกจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการประจำจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อไกล่เกลี่ย ปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ในแต่ละราย และดูว่าแต่จังหวัดนั้นมีประชาชนเป็นหนี้นอกระบบเท่าไหร่ และจะมีคณะกรรมการฟื้นฟูเสริมการเพิ่มรายได้ ในลักษณะประชารัฐ ดึงภาคเอกชนบริษัทใหญ่ๆ เข้ามาช่วยเหลือประชาชนด้านการฝึกอาชีพ หารายได้ เพื่อให้สามารถมีเงินใช้หนี้ได้
โดยข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยระบุว่ามีประชาชนเป็นหนี้นอกระบบประมาณ 1 ล้าน 3 แสนราย วงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาท ส่วนจำนวนเจ้าหนี้นอกระบบนั้นยังไม่มีข้อมูลในขณะนี้