มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 20 มิ.ย.2559
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างประเมินว่า จะมีผลกระทบด้านต่างๆ อย่างไรบ้าง ในเบื้องต้นเชื่อว่าคงกระทบน้อย แต่ก็ทำให้ภาคธนาคารตื่นตัวมากขึ้น และอาจมีการเร่งขายเอ็นพีเอ (ทรัพย์สินด้อยคุณภาพ) ที่ถืออยู่
ทั้งนี้ ณ สิ้นพฤษภาคม ธนาคารกสิกรไทยมียอดเอ็นพีเอ 17,000 ล้านบาท ในเบื้องต้นพบว่า มีบ้านเดี่ยวมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท ในสัดส่วน 1% ของพอร์ตรวม ส่วนทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาทในพอร์ตของธนาคารยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้
ด้านนายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประเมินสินทรัพย์ที่เป็นเอ็นพีเอมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว ที่ดิน และโรงงาน 10% ของพอร์ตเอ็นพีเอรวม 29,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอประเมินรอบสองอย่างละเอียดว่ามีสินทรัพย์ใดบ้างที่เข้าข่าย
นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารมีเอ็นพีเอที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท สัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับพอร์ตเอ็นพีเอรวมของธนาคารที่อยู่ 9,000 ล้านบาท ซึ่งอาจมีส่วนกระทบอยู่บ้าง
ด้านนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวว่า บริษัทมีที่ดิน 2,000-3,000 ไร่ อยู่ในกรุงเทพฯ กำลังผลักดันพัฒนาโครงการและขายให้หมดเร็วที่สุด เพื่อเลี่ยงภาระภาษีที่มากขึ้น หลังพ้นระยะ 3 ปีแรก
สอดคล้องกับนายอุเทน คงสุนทรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ปริญสิริ บอกว่า ปกติบริษัทเคยพัฒนาและปิดโครงการในเวลาเฉลี่ย 4 ปี แต่ดอกเบี้ยต่อปีสูงถึง 7% จึงเร่งปิดขายภายใน 3 ปีแทน ล่าสุด มีปัจจัยภาษีที่ดินฯอีก ทำให้ต้องเร่งขายให้เร็วขึ้น โดยลดไซซ์ให้เล็กลง ซึ่งปัจจุบันมีโครงการระหว่างขายปีละ 17-19 โครงการ
ด้านนายณัฐพล มัททวกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า บริษัทเน้นพัฒนาโครงการขนาดเล็ก ประมาณ 50-70 แปลง เพื่อให้ปิดการขายได้ใน 3 ปี และใช้วิธีเปิดหลายไซต์หลายทำเล เน้นทำเลขอบเมือง ฉะนั้นเมื่อจะมีกฎหมายภาษีที่ดินฯใหม่ จึงไม่กลัว เพราะปรับตัวมาตลอด
