มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 15 ก.ค.2559
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คำว่า Startup เป็นคำที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในแวดวงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยลักษณะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทำให้คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันต่างใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเป็นนายตนเองมากขึ้น แต่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจของเราไปได้ดี และเป็นจุดสนใจแก่เหล่าบรรดานักลงทุน ไปติดตามกันครับ
ธุรกิจสตาร์ตอัพ หนึ่งใน Model การทำธุรกิจที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ด้วยลักษณะของธุรกิจสตาร์ตอัพที่ถูกวางแผนมาเพื่อให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดหลายสิบเท่าในระยะเวลาอันสั้น จึงทำให้กำลังเป็นที่สนใจแก่นักคิด นักลงทุนทั้งหลาย
ล่าสุด นิตยสารเส้นทางเศรษฐี นิตยสารในเครือบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดงาน “เส้นทางเศรษฐีหน้าใหม่ สตาร์ตอัพพันธุ์ไทย” โดยในงานมีวงเสวนาหัวข้อ “สตาร์ตอัพ ฉายแววอย่างไร….ให้โดนใจนักลงทุน” เพื่อให้นักลงทุนนำไปปรับใช้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสตาร์ตอัพในอนาคต
นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจ และ Dtac Accelerate เผยขณะร่วมงานเสวนาว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสตาร์ตอัพชั้นนำมากขึ้น ทำให้ระบบนิเวศของเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันประเทศไทยโตขึ้นถึง 29 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2555 มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท และในอนาคตอาจเทียบเท่ากับที่ Silicon Valley ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของบริษัทด้านไอทีชั้นนำต่างๆ
แม้ในปัจจุบันจะมีผู้สนใจทำธุรกิจสตาร์ตอัพมากขึ้น และหลากหลายขึ้น แต่การทำให้ธุรกิจสตาร์ตอัพให้ออกมาในทิศทางที่ดี และสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วยังต้องอาศัยเงินทุนอยู่พอสมควร ดั้งนั้นการมีนักลงทุนคอยสนับสนุนเงินทุน และให้คำปรึกษาจึงถือเป็นช่วยหลักที่ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพส่วนใหญ่ต้องการ
นายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด นักลงทุนสตาร์ตอัพ เผยว่า สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมี 2 เภทคือ 1. สตาร์ตอัพที่เรียกว่า Hypergrowth โดยนักลงทุนจะมองหาธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงตั้งแต่ 10 เท่าเป็นต้นไปในระยะเวลาสั้นๆ และ 2. ต้องเป็นนักลงทุนในธุรกิจเฉพาะด้าน มีวิธีคิดที่ดี และแตกต่างจากผู้อื่นที่ประกอบธุรกิจในประเภทเดียวกัน
สำหรับทิศทางการเติบโตของธุรกิจสตาร์ตอัพในประเทศไทย นายสมโภชน์ มองว่า จะเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักธุรกิจสตาร์ตอัพ หากมีการวางแผนและนำปัญหาที่พบเจอมาแก้ไขด้วยเทคโนโลยี นายสมโภชน์เชื่อว่า ภายใน 3-5 ปี จะได้เห็นธุรกิจสตาร์ตอัพไทยในระดับ Unicorn คือบริษัทที่มีมูลค่า 35,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
