มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 5 ส.ค.2559
นายวิชญายุทธ บุญชิด รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ศชช กล่าวในงานสัมมนา ถอดรหัสเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2559 ว่า สศช. ยังคงประมาณการ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ปี 59 อยู่ที่ 3.0 ถึง 3.5% ปัจจัยหนุนมาจากมาตรการลงทุนภาครัฐ ที่กรอบขยายตัวจากปี 58 ถึง 25% และอัตราการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนนักนักท่องเที่ยว ที่ขยายตัวกว่า 11.2% ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10.6% ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ยังคงเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า และสถาบันการเงินที่ยังเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อ
ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทยปีนี้ น่าจะติดลบประมาณ 2% เนื่องจากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรน่าจะอยู่ในระดับต่ำ ตามแนวโน้มของราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มก่อสร้าง ติดลบต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดซีแอลเอ็มวี ซึ่งเดิมคาดหวังว่าจะเป็นตลาดส่งออกสำคัญทดแทนตลาดหลักที่หดตัว กลับติดลบถึง 10% นอกจากนี้ ยังควรต้องพิจารณาว่าตัวเลขคาดการณ์ติดลบ 2% ยังไม่หักส่วนของการส่งออกทองคำ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมด้วย
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ต้องจับตาเงินทุนไหลเข้าอันเนื่องมาจาก Brexit ซึ่งมีผลกระทบทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น หากต่ำกว่า 34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระดับที่ผู้ส่งออกไม่สามารถรับไหว
ในส่วนของการลงทุน นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และนโยบายการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวว่า ครึ่งปีแรกมีการยื่นขอการสนับสนุนบีโอไอ 758 โครงการ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท เชื่อว่าทั้งปีจะมีคำขอรับการสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 4.5 แสนล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนเงินลงทุนจริงในไตรมาส 1 อยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท จากเป้าหมายตลอดปีที่ 6.5 แสนล้านบาท ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศครึ่งปีแรก มีมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การผลิตน้ำมันของโลกกำลังปรับเข้าสู่สมดุล ราคาน้ำมันครึ่งปีหลังจะอยู่ในกรอบ 38 ถึง 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบารเรล หลังเชลล์ออยล์ ลดกำลังการผลิตลง ซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน มีแนวโน้มที่ประนีประนอมในการลดกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งกระทบกับค่าเงิน รวมถึงความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์และการก่อการร้าย ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวนได้
