มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 2 ก.ย.2559
นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน พร้อมด้วยกลุ่มบริษัท Major Network และ IRPC ได้นำเสนอกรวยจราจรนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ยางพารามาเป็นส่วนผสม
นายพินิจเผยว่า จากการจัดงานยางพาราบึงกาฬ ที่หลายหน่วยงานได้ร่วมจัดกิจกรรม ทำให้เกิดการต่อยอดพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง โดยกรวยจราจรเป็นหนึ่งในการวิจัยที่ทำออกมาพร้อมใช้งานได้แล้ว ซึ่งจะช่วยในการใช้ยางพาราให้มากขึ้น และเพื่ออุดหนุนเกษตรกรยางตามนโยบายของรัฐบาลไทย
นายอนุชิต วาณิชย์เสริมกุล กรรมการบริการบริษัท Major Network เผยว่า ได้ร่วมมือกับบริษัท IRPC ผลิตกรวยจราจรจากยางพาราจนสำเร็จ และจดสิทธิบัตรแห่งเดียวในโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีกรวยจราจรไม่ต่ำกว่า 3 ล้านอัน ซึ่งไม่พอต่อการใช้งาน หากรัฐบาลอุดหนุนตำบลละ 200 อันต่อปี รวมทั้งประเทศ 1.7 แสนอัน เท่ากับเป็นการอุดหนุนยางพาราจากเกษตรกรถึง 1,200 ตันต่อปี และขณะนี้กำลังได้รับความสนใจจากประเทศเวียดนาม และกัมพูชา
ด้านนายประโยชน์ อาภรณ์ศิลป์ เจ้าหน้าที่บริหารการตลาดบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด เผยว่า กรวยจราจรอันนี้มีลักษณะเป็นทรง 8 เหลี่ยม ใช้หลักในการหักเหแสงทำให้สามารถสะท้อนแสงได้มากกว่าทรงกลมทั่วไป และไม่มีตีนกรวย ทำให้เวลารถเหยียบจะไม่ตีกลับมาชนตัวรถและล้ม
สำหรับกระแสข่าว 2 ค่ายยางล้อรถยนต์ระดับโลกอย่างมิชลินและบริดจสโตนประกาศแบนยางพาราในพื้นที่ภาคอีสานไทย หลังพบมีการใส่กรดซัลฟิวริกในน้ำยาง เนื่องจากส่งผลต่อคุณภาพล้อยาง นายพินิจเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรในภาคอีสานเลิกใช้กรดต่างๆ มานานแล้ว เหลือเพียงแค่ 30-40 เปอร์เซ็นเท่านั้นที่ใช้พวกกรดซัลฟิวริก, กรดฟอร์มิก เนื่องจากมีราคาถูกและช่วยให้ยางเซ็ตตัวเร็ว แต่ถึงแม้จะใช้กรดซัลฟิวริกจริงคิดว่าไม่น่าจะมีผลต่อตัวยาง ไปฟังเสียงของเขากันครับ
อย่างไรก็ตามทางบริษัทมิชลินได้ออกมาให้ข่าวแล้วว่าไม่เป็นความจริง แม้เรื่องที่พูดถึงจะมีส่วนถูกต้องในเชิงเทคนิคก็ตาม
