ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค. 2559) ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง มีสินทรัพย์รอการขายสุทธิ (NPA) รวม 82,398 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 5,504 ล้านบาท จากสิ้นเดือน ธ.ค. 2558 มีจำนวน 76,894 ล้านบาท โดยแบงก์ที่มีเอ็นพีเอสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) มีจำนวน 35,441 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.49% จาก 5,532 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี ที่มีเอ็นพีเออยู่ที่ 29,909 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีเอ็นพีเออยู่ที่ 15,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.40% อันดับที่สาม ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีเอ็นพีเออยู่ที่ 11,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 856 ล้านบาท อันดับที่ 4 ธนาคารกรุงเทพ (BBL) 8,868 ล้านบาท ลดลง 6.67% และอันดับที่ 5 ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) 5,070 ล้านบาท หรือลดลง 16.97%
นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานปรับโครงสร้างหนี้และบริหารทรัพย์สิน ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า เอ็นพีเอของธนาคาร ณ สิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 18.49% จากสิ้นปี 2558 มีจำนวน 29,909 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากลูกหนี้รายเก่าที่ถูกธนาคารดำเนินคดียึดทรัพย์ตั้งแต่ 1-2 ปีก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกหนี้เอสเอ็มอีขนาดกลางที่มียอดขายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป และเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มียอดขายต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ธนาคารได้ทยอยขายเอ็นพีเอออกมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ขายเอ็นพีเอได้แล้วราว 5-7 พันล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขายเอ็นพีเอเพิ่มเติมกับบริษัทรับซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งทำให้คาดว่า ณ สิ้นปี 2559 น่าจะเห็นเอ็นพีเอของธนาคารปรับลดลง
นางกิตติยา โตธนะเกษม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ (SSI) กล่าวว่า ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2559 เอ็นพีเอของธนาคารอยู่ที่ 11,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.11% จากระดับ 10,553 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558
โดยเอ็นพีเอที่เพิ่มขึ้นเกิดจาก 2 ส่วน ได้แก่ 1) จากการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ในทุกกลุ่มสินเชื่อ เช่น เอสเอ็มอี และกลุ่มรายย่อย 2) จากลูกหนี้บางรายโอนทรัพย์มาชำระหนี้แทน เพราะไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ ดังนั้นจึงส่งผลให้เอ็นพีเอของธนาคารยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
