กฟผ. รอความชัดเจน กพช. เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน(คลิป)

มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 16 ก.พ.

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวถึงความคืบหน้าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2558 – 2579 หรือ พีดีพี 2015 ในส่วนของพลังงานหมุนเวียน สามารถดำเนินการได้เร็วกว่าที่เป้าหมายกำหนดไว้ เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจลงทุนจำนวนมาก ทั้งพลังงานชีวมวล แสงอาทิตย์ และพลังงานลม ขณะที่แผนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ จังหวัดกระบี่ และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่จังหวัดสงขลา ยังติดขัดเนื่องจากประชาชนบางส่วนในพื้นที่ไม่เห็นด้วยกับการส้รางโรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กฟผ. ได้พยายามทำความเข้าใจกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีประชาชนที่เข้าใจถึงความจำเป็น และให้การสนับสนุนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ ซึ่งหากในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ผลออกมาในทางบวก กระบวนการต่าง ๆ ที่ติดขัดอยู่ก็จะเดินหน้าต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม หากข้อสรุปออกมาว่าไม่สามารถสร้างโรงไฟฟาถ่านหินดังกล่าวได้ ยอมรับว่าจะกระทบกับแผนพีดีพี 2015 มาตรการที่ กฟผ. ต้องทำคือการเสริมสายส่งแรงดัน 5 แสนโวลต์จากภาคกลางไปภาคใต้ เพื่อให้ภาคใต้มีไฟฟ้าเพียงพอใช้ได้อีกประมาณ 3 – 4 ปี ภายใต้สมมติฐานจีดีพีภาคใต้ขยายตัวปีละ 5% แต่หลังจากนั้นก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ หรือต้องกลับมาใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าตามเดิม ไม่สามารถทำตามแผนพีดีพี 2015 ที่ต้องการลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติลง เนื่องจากหากไม่มีการเปิดสัมปทานในอ่าวไทยเพิ่มเติม ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่จะพอใช้แค่เพียง 6 ปี ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ที่มีราคาสูงกว่ากันประมาณ 2 เท่าตัวเข้ามาทดแทน กระทบกับค่าไฟฟ้าต้องสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง แม้จะสามารถทำได้ แต่ต้นทุนจะสูงกว่าการใช้น้ำเตาเป็นเชื้อเพลิงในปัจจุบันถึง 2 เท่า ขณะที่การใช้ของเสียจากโรงงานน้ำมันปาล์มเป็นเชื้อเพลิงก็มีความไม่แน่นอน และมีปริมาณรวมกัน 30 – 40 เมกะวัตต์เท่านั้น ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image