วงเสวนาน้ำมันบี้รัฐยุบกองทุน-เลิกเก็บภาษีสรรพสามิต

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน กลุ่ม 24 มิถุนายนประชาธิปไตย จัดเสวนา ปัญหาน้ำมันไทยรัฐจับใครเป็นตัวประกัน ที่เคยูโฮม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน

น.ส.รสนา โตสิตระกูล เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) กล่าวว่า ตอนนี้รัฐจับประชาชนเป็นตัวประกันจากโครงสร้างราคาน้ำมันที่บิดเบือน ตัวอย่างชัดเจนคือ ตอนนี้ไทยมีการส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่เวลาที่ขายคนไทยกลับราคาแพงกว่าราคาส่งออก 2 บาทต่อลิตร เพราะราคาในประเทศอิงจากราคาสิงคโปร์ โดยไทยใช้น้ำมันปีละประมาณ 100 ล้านลิตร เมื่อคูณส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นเท่ากับคนไทยต้องเสียเงินมหาศาลต่อปี อีกตัวอย่างที่เห็นชัดคือราคาน้ำมันไทยแพงกว่ามาเลเซียทำให้เกิดปัญหาการลักลอบขายน้ำมันมาเลเซียในไทย และเมื่อเทียบกับน้ำมันในประเทศเมียนมาหากอ้างว่าต้นทุนค่าแรงถูกกว่าไทยข้อนี้ไม่ใช่ เพราะไทยเองยังแพงกว่าบางรัฐของสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าค่าแรงไม่มีผล

ส่วนประเด็นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเข้าใจได้ เพราะรัฐบาลไม่มีวิธีหาเงิน ต้องนำเงินไปใช้ในประชานิยม ขณะที่ประเด็นค่าการตลาด อัตราที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 1.50 บาทต่อลิตร แต่ขณะนี้พบว่าค่าการตลาดเอื้อผู้ค้าน้ำมัน กลับพบว่าน้ำมัน อี85 มีค่าการตลาดสูงกว่า 5 บาทต่อลิตรเลย

น.ส.รสนากล่าวว่า สำหรับการเก็บเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หากรัฐบาลยกเลิกราคาจะถูกลงทันที ซึ่งปัจจุบันพบว่าน้ำมันเบนซินมีการเก็บเงินเข้ากองทุนประมาณ 5-6บาทต่อลิตร ถือว่าแพงมาก และปัจจุบันไม่ว่าราคาน้ำมันจะถูกหรือแพงก็มีการเก็บเงินจากประชาชนส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ดี และมีการนำเงินมาอุดหนุนทารก 2 กลุ่ม คือ เอทานอล และโรงกลั่น จนปัจจุบันกลายเป็นภาระบนบ่าของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งประชาชนเสียสละมาตลอด รัฐบาลควรเสียสละบ้าง ควรยกเลิกกองทุนน้ำมัน

Advertisement

นายคริส โปตระนันทน์ ผู้จดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันของไทยแพงมาจากการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน โดยมีการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาเอทานอล อ้างว่าช่วยเกษตรแต่หากพิจารณาจริงๆ จะพบว่าเอื้อเอกชน และทำให้คนไทยต้องใช้เอทานอลราคาสูงถึง 23 บาทต่อลิตร ขณะที่ต่างประเทศราคาประมาณ 16 บาทต่อลิตร โดยปี 2560 ไทยใช้เอทานอล 4 ล้านลิตรต่อวัน และขายแพงกว่าตลาดโลก 7 บาทต่อลิตร คิดเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี เงินนี้ไม่ควรให้ประชาชนรับภาระ ซึ่งรัฐได้สนับสนุนแบบนี้มา 20 ปีแล้ว แต่ผู้ผลิตก็ยังไม่สามารถทำราคาแข่งขันกับต่างประเทศได้ และอนาคตหากผลิตเอทานอลหลัก 10 ล้านลิตรต่อวัน ภาระจะตกกับประชาชนมากขึ้น

“ทราบว่าการเก็บเงินกองทุนน้ำมันก็เพื่อให้ประชาชนลดการใช้น้ำมันเพื่อลดภาวะโลกร้อน เรื่องนี้รับฟังได้ แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างสิ่งแวดล้อมกับปากท้องประชาชน อย่างไรก็ตาม หากเลิกกองทุนน้ำมันตอนนี้ไม่เสียหายเงินที่มีอยู่ 3 หมื่นล้านบาทมากพอแล้ว” นายคริสกล่าว

ร.ท.สุณิสา ทิวากรดำรง ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของราคาน้ำมันทั้งหมด ที่เหลือ 1 ใน 3 มาจากภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอื่นๆ ดังนั้น อยากให้ประชาชนทำความเข้าใจว่าองค์ประกอบราคามาจากอะไร ทั้งนี้ อยากให้เลิกอุดหนุนราคาน้ำมันจนเกิดสถานการณ์ช็อกตลาด ราคาน้ำมันแพงขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนรับทราบถึงต้นทุนราคาน้ำมันที่แท้จริง ตระหนักถึงการใช้น้ำมันที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image