ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ประหนึ่งว่า สภาพการณ์อัน นพดล ปัทมะ ประสบจากรายละเอียดภายในหนังสือ “บันทึกประวัติศาสตร์ มหากาพย์เขาพระวิหาร”
นพดล ปัทมะ จะเป็น “เหยื่อ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นับแต่เดือนพฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา
เห็นได้จากการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคประชาธิปัตย์
แม้จะได้รับ “ความไว้วางใจ” แต่ก็ “น่วม”
น่วมกระทั่งต้องยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ และตกเป็น “จำเลย” ในทางสังคม
พร้อมกับ “ข้อกล่าวหา” ร้ายแรงถึงขั้น “ขายชาติ”
แต่พลันที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 ทุกอย่างก็พลิกกลับ
เท่ากับ นพดล ปัทมะ ได้พ้นจากสภาพแห่ง “เหยื่อ”
ท่วงทำนองของ นพดล ปัทมะ อันสัมผัสได้จากหนังสือ “บันทึกประวัติศาสตร์ มหากาพย์เขาพระวิหาร” เป็นท่วงทำนองแห่ง “สุภาพบุรุษ”
หากพิจารณาจาก “ภูมิหลัง” ก็จะ “เข้าใจ”
เมื่อ พ.ศ.2525 เขาเป็นนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.2526 อีก 1 ปีต่อมาเขาเป็นเนติบัณฑิตไทย
จากนั้นได้รับทุน “มหิดล” ไปศึกษาต่อยัง “อังกฤษ”
พ.ศ.2531 เป็นนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด พ.ศ.2533 เป็นนิติศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยลอนดอน
พ.ศ.2534 เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษแห่งสำนักลินคอล์นอินน์
ขณะเดียวกัน พ.ศ.2535 เป็นมหาบัณฑิตอย่างที่เรียกว่ามาสเตอร์ ออฟ อาร์ท (M.A) จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
“ธรรมศาสตร์” นั้นเองทำให้เขาเป็น “สุภาพบุรุษ”
ขณะเดียวกัน สำนัก “ออกซฟอร์ด” นั้นเองทำให้เขาเป็น “สุภาพบุรุษ” และดำเนินกระบวนการทางการเมืองเยี่ยง “สุภาพบุรุษ”
เป็น “สุภาพบุรุษ” จากธรรมศาสตร์ เป็น “สุภาพบุรุษ” จากออกซฟอร์ด
เขาจึงต่างจาก “ธรรมศาสตร์” บางคน เขาจึงต่างจาก “ออกซฟอร์ด” บางคน
บันทึกประวัติศาสตร์อันสะท้อน “มหากาพย์เขาพระวิหาร” เหมือนกับ
จะเป็นบทเรียนจากประสบการณ์ตรงของ
นพดล ปัทมะ
แต่เมื่ออ่านอย่าง “วิเคราะห์” อ่านอย่าง “ใคร่ครวญ”
จากบทที่ 1 คำพิพากษาศาลโลกปี 2505 และการปฏิบัติตามคำพิพากษา เรื่อยไปจนถึงบทที่ 19 เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
“ผมอโหสิกรรมให้กับคนที่รู้สำนึกว่าทำกรรมอะไรไว้”
ก็จะประจักษ์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่า ทั้งหมดนี้มิได้เป็นประสบการณ์ “ส่วนตัว” ของ นพดล
ปัทมะ หากแต่ประสบการณ์ของ “สังคมไทย” อย่างรอบด้าน
คำถามอยู่ที่ว่า เมื่อผ่านมาแล้วจะ “ทบทวน” หรือไม่
คำถามอยู่ที่ว่า เมื่อทบทวนแล้วสามารถ “สรุป” กระทั่งยกระดับเข้าสู่ “บทเรียน” ได้อย่างลึกซึ้งและรอบด้านเพียงใด
ที่คิดว่า นพดล ปัทมะ คือ “เหยื่อ” จึงไม่ใช่
สถานการณ์ซึ่งคลี่คลายจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 กระทั่งเดือนกันยายน 2558 ได้นำไปสู่ภาวะพลิกผันแปรเปลี่ยนเป็นอย่างสูง
ที่เคยอยู่ในฐานะ “จำเลย” กลับกลายเป็น “โจทก์”
ที่เคยอยู่ในฐานะ “โจทก์” กลับกลายเป็น “จำเลย”
นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า “รู้สำนึก” อย่างไร และมากน้อยเพียงใด
ความจริง ตลอดสถานการณ์อันถือว่าเป็น “มหากาพย์” แห่งคดีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ “เขาพระวิหาร” นั้น
ตัวละครได้ปรากฏและแสดงตัวเป็นจำนวนมากมาย ทั้งที่เป็น “คนชั้นสูง” ทั้งที่เป็น “นักวิชาการ” ทั้งที่เป็น “นักการเมือง” และทั้งที่เป็น “นักการทหาร”
พวกเขาต่างรอ “คำพิพากษา” ตาม
“กฎแห่งกรรม” ถ้วนทั่วทุกตัวคน