ยกที่ 1 การเมือง ทดสอบ ‘อนาคตใหม่’ มีอนาคต หรือไม่

อุบัติการณ์แห่ง “พรรคอนาคตใหม่” นับแต่ปลายเดือนมีนาคมเป็นต้น มา เป็นอุบัติการณ์ที่กำลังก่อผลสะเทือนเป็นลำดับต่อสังคมประเทศไทย

เริ่มจากในทาง “ความคิด”

ตามมาโดยฉับพลันในทาง “การเมือง” และค่อยๆ เติบใหญ่ ขยายตัวผ่านกระบวนการในทาง “จัดตั้ง” อันกว้างขวาง

พรรคอนาคตใหม่ไม่เพียงแต่เป็น “ตัววัด” ต่อพรรคการเมืองใหม่ด้วยกัน

Advertisement

ไม่ว่าจะนำไปวางเรียงเคียงข้างกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะนำไปวางเรียงเคียงข้างกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าจะนำไปวางเรียงเคียงข้างกับพรรคพลังชาติไทย หรือพรรคพลังธรรมใหม่

ก็จะเห็นใน “ความต่าง”

ยิ่งกว่านั้น ยังสร้าง “ความต่าง” อย่างลึกซึ้งไม่เพียงแต่ต่อพรรคเก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์ หากแม้กระทั่งพรรคที่มี “น้ำเสียง” ใกล้เคียงกันเป็นอย่างสูงอย่างพรรคเพื่อไทย

Advertisement

ลองเปิดใจให้ “กว้าง” มองเข้าไปก็จะ “ประจักษ์”

พลันที่พรรคอนาคตใหม่เผยแสดงตัวตนออกมา ณ เบื้องหน้าสังคม ท่าทีในเบื้องต้นอาจจะดูหมิ่นโดยเห็นว่าเป็นพรรคของเด็กๆ

ทั้งยังทำท่าว่าจะเป็น “เด็กเนิร์ด”

พรรคแบบนี้ย่อมดำเนินไปเหมือนกับเป็น “ของเล่น” ไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อรากหญ้า

ไม่ว่าใน “เมือง” ไม่ว่าใน “ชนบท”

อาจเป็นของเล่นของลูกหลาน “มหาเศรษฐี” อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อาจเป็นของเล่นของนักวิชาการ “ร้อนวิชา” อย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล

แต่ก็คงไม่จริงจังอะไร เบื่อก็คงจะเลิกไปเอง

แต่จากปลายเดือนมีนาคมกระทั่งมาถึงกลางเดือนมิถุนายน ภาพที่เห็นของพรรคอนาคตใหม่กลับมิได้เป็นอย่างที่ถูกเหยียดหยาม ประณามหมิ่น

ตรงกันข้าม ปรากฏ “การเคลื่อนไหว” อย่างไม่หยุดนิ่ง

การเคลื่อนไหวในที่นี้มิได้เป็นการเคลื่อนไหวในแบบ “ยิงศร ไร้เป้า” หากแต่ไม่ว่าจะขยับไปตรงไหน แตะลงไปในจุดใด

ล้วนเป็นการ “จุดประกาย” ในทาง “ความคิด”

แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเคยนำเสนอในเรื่องต้องมีการแก้ไข “รัฐธรรมนูญ” แต่ก็เหมือนมีเสียงลอยไปในสายลม พลันที่พรรคอนาคตใหม่บุกเบิกผ่านคำว่า “ฉีกทิ้ง”

ไม่ว่า “รัฐธรรมนูญ” ไม่ว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ” ก็กลายเป็นประเด็น

ท่าทีของ “ปฏิกิริยา” จากคนที่ไม่ชอบและพยายามสกัดขัดขวางต่อพรรคอนาคตใหม่จึงดำเนินไปใน 2 แนวทางที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง

1 หมิ่นหยาม เหมือนไม่มีความหมาย

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งปรากฏตามมาและเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับก็คือ หวาดกลัว และเริ่มจริงจังมากยิ่งขึ้นในการสกัด ขัดขวาง

ความหวาดกลัวนั่นแหละจะกลายเป็น “ประเด็น”

บทสรุปต่อพรรคอนาคตใหม่เช่นนี้มิได้หมายความว่าพรรคอนาคตใหม่จะประสบความสำเร็จและกำชัยชนะได้อย่างรวดเร็ว ภายในชั่วข้ามคืน

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยาก

แต่กรณีของพรรคอนาคตใหม่ได้ให้บทเรียนอย่างสำคัญว่า 1 สังคมต้องการของใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมืองใหม่ และ 1 สังคมให้ความเที่ยงธรรม

เที่ยงธรรมต่อพรรคที่ทำงานจริงจัง ไม่ย่อท้อ ถอดใจง่ายดาย 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image