ตร.แฉ ‘บูม’ ร่วมพี่ชาย-พี่สาว ตุ๋นต่างชาติลงทุนหุ้น-บ่อน แต่พบ 400 ล.เปย์ในบ้าน เจ้าตัวปฏิเสธ พี่ชายชิ่ง!

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 9 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม(ผบก.ป.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. กล่าวถึงกรณีการจับกุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปี นักแสดงวัยรุ่น หลังมีผู้เสียหายชาวต่างชาติได้มาร้องทุกข์ว่าถูกฉ้อโกง โดยนายจิรัชพิสิษฐ์ คือ 1ใน 3 ที่ถูกออกหมายจับข้อหาร่วมกันฟอกเงิน พร้อมนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายและนางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาว

พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวว่า ตอนนี้ ที่จับกุมได้คือนายจิรัชพิสิษฐ์ ซึ่งรู้เห็นและรับเงินจากพี่ชายที่เป็นตัวการหลักในการหลอกลวงนักธุรกิจชาวต่างชาติ และยังพบว่ามีการหมุนเวียนเงินโอนเงินภายในครอบครัวเป็นจำนวนเงินกว่า 400 ล้านบาท

“จากการสอบสวน นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ยังคงให้การปฎิเสธ ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าบัญชีดังกล่างถูกพี่ชายนำไปใช้ ซึ่งจากการตรวจสอบนายปริญญา พี่ชายนายบูมเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนนางสาวสุพิชย์ฌา ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว”ผบก.ป.กล่าว

พ.ต.อ.ชาคริต รองผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มนี้คือได้หลอกลวงชาวต่างชาติชาวฟินแลนด์ เพื่อให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล โดยการหลอกว่าเหรียญสกุลเงินนี้จะนำไปเข้าตลาดหลักทรัพย์และนำไปลงทุนต่อที่บ่อนในมาเก๊า มูลค่าความเสียหายโดยประมาณ 734 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาก็ไม่ได้นำเงินมาลงทุนตามที่ตกลงไว้แต่นำมาหมุนเวียนกันในกลุ่มพี่น้องเป็นจำนวนเงินกว่า 400 ล้านบาท และนำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายภายในครอบครัว ซึ่งตอนนี้เราติดตามยึดได้คืนประมาณ 200 ล้านบาท และพบว่ามีการเคลื่อนไหวในบัญชีที่เกี่ยวข้องถึง 49 บัญชี

Advertisement
“ตอนนี้เราได้ออกหมายจับ ทั้ง 3 คนในข้อหาฟอกเงินก่อน ส่วนเรื่องฉ้อโกงก็จะมีตามมาอีกที ซึ่งบูมก็อยู่หนึ่งในนั้น และมีส่วนรู้เห็นกับการหลอกลวงชาวต่างชาติคนดังกล่าวแม้จะบอกว่าไม่รู้เรื่องแต่พยานหลักฐานที่พบมีการหมุนเวียนใช้ในระบบบัญชีของเขา รวมถึงวันที่มีการพูดคุยหลอกล่อชาวต่างชาติ นายบูมก็รู้เรื่องกับพี่ชายด้วย จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็ไม่น่าใช่”

ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะคุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ ไปที่ศาลอาญารัชดาในวันที่ 10 สิงหาคม ส่วนจะมีการคัดค้านการยื่นประกันตัวหรือไม่ สอบถาม พล.ต.ต.ไมตรี ผบก.ป. ระบุว่าไม่ทราบเพราะต้องรอทางญาติมายื่นและจะมีการพิจารณาต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image