‘เรืองไกร’ร้อง’บิ๊กตู่’ยกเลิกคำสั่งกระทรวงคลัง คืนทรัพย์สินให้’ยิ่งลักษณ์’ชี้จำนำข้าวไม่ขาดทุน

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 22 สิงหาคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้ตรวจสอบว่าพิจารณาสั่งการให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 และคืนทรัพย์สินให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยนายเรืองไกรระบุว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา อธิบดีกรมบัญชีกลางชี้แจงไว้ตอนหนึ่ง ว่า “โครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่ใช้เงินของ ธ.ก.ส.ดำเนินการไปก่อน แล้วรัฐบาลจึงตั้งงบประมาณชดใช้คืนเป็นรายปีจนกว่าจะครบวงเงิน ดังนั้น ธ.ก.ส.จึงเป็นผู้ทำบัญชีโครงการนี้เพื่อแสดงต่อรัฐบาลประกอบการขอตั้งงบประมาณ ธ.ก.ส.จึงไม่ต้องส่งข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง เนื่องจากเป็นรายการที่ไม่ต้องนำมาทำบัญชีในชุดรัฐบาล” และ “จากหลักการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินแผ่นดินตามเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) ดังกล่าว จึงไม่มีหรือไม่สามารถมีรายการผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 536,908.30 ล้านบาท ที่ดำเนินการโดย ธ.ก.ส.เป็นรายการบัญชีค่าใช้จ่ายแยกต่างหากในรายงานการเงินแผ่นดินที่กรมบัญชีกลางจัดทำสำหรับปีสิ้นสุด 30 กันยายน 2558 และ 2557 ได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการบัญชีที่ได้เสนอ ครม.รับทราบ”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 กระทรวงการคลังได้เคยมีหนังสือที่ กค 0201/ล 2560 แจ้งคำสั่งเรียกชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีโครงการรับจำนำข้าว ระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกฯและประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอำนาจหน้าที่ เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า จากคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 กับคำอธิบายของอธิบดีกรมบัญชีกลาง เรื่องการทำบัญชีจึงไม่สอดคล้องกัน เพราะถ้างบการเงินแผ่นดินไม่มีการจัดทำ แล้วกระทรวงการคลังเอาตัวเลขใดมาใช้ในการคิดค่าเสียหาย ตัวเลขที่ใช้คิดค่าเสียหายดังกล่าวลงบัญชีไว้ที่ใด และ สตง.เคยตรวจสอบรับรองหรือไม่ หลังจากดำเนินการเรียกชดใช้ค่าเสียหายแล้ว กระทรวงการคลังให้หน่วยงานใดปิดบัญชีการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/56 และปีการผลิต 2556/57 เพื่อพิจารณาว่าจะต้องมีการคืนเงินหรือทรัพย์สินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามสัดส่วนที่ได้ชำระไว้ต่อไป เป็นจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ การกล่าวอ้างตัวเลขผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวและนำมาคิดค่าเสียหาย น่าจะเลื่อนลอยไร้พยานเอกสารหลักฐาน เพราะไม่ปรากฏตัวเลขความเสียหายที่อ้างถึง ทั้งตัวเลข 286,639,648,201.45 บาท หรือตัวเลข 178,586,365,141.17 บาท ในงบการเงินแผ่นดินแต่อย่างใด ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเป็นไปโดยปราศจากหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานการบัญชี และมีผลทำให้ในปัจจุบัน ตัวเลขที่นำมากล่าวอ้างเป็นความเสียหายแล้วออกคำสั่งเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหม จำนวน 35,717,273,028.23 บาท เหล่านี้จะยิ่งคงค้างและติดพันต่อไปจนมิอาจแก้ไขได้ และเป็นความเสียหายที่น่าจะขัดแย้งกับคำพิพากษาดังกล่าวด้วย ดังนั้น จึงขอให้ตรวจสอบว่านายกฯควรพิจารณาสั่งการให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 และคืนทรัพย์สินให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อไปโดยเร็วหรือไม่

เมื่อถามว่า ตัวบัญชีจำนำข้าวแม้จะไม่ได้อยู่ในงบแผ่นดินแต่เป็นการบริหารจัดการงบที่อยู่ใน ธ.ก.ส.เอง เหมือนว่าเงินที่ขาดทุน แม้จะไม่เห็นในงบแผ่นดินแต่ก็ไปอยู่ใน ธ.ก.ส. นายเรืองไกรกล่าวว่า ไม่เคยมีขาดทุน ธ.ก.ส.เอาเฉพาะงบสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์มีงบ 2 ก้อน อันหนึ่งกู้โดยกระทรวงการคลัง อีกส่วนหนึ่งใช้เงิน ธ.ก.ส.เอง เขียนอธิบายอยู่ในหมายเหตุงบ ธ.ก.ส. ส่วนที่กู้มา 4 แสนกว่าล้านบาทนั้น รัฐบาลก็มานั่งทำรายจ่ายประจำปี ว่าต้องดำเนินการอย่างไร เช่นเดียวกับ ธ.ก.ส. กรมบัญชีกลางก็อธิบายตัวเลขนี้ไว้ ซึ่งทุกปีจะต้องจัดสรรงบบางส่วนไปคืนหนี้เงินกู้ ถามว่า ยอดที่ผ่อนนี้ยอดต้นอยู่ไหน ทั้งนี้ คิดว่าคำสั่งของกระทรวงการคลังวันนี้เมื่อเทียบกับคำพิพากษาแล้วไม่ถูกต้อง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image