25 วันปิดคดีฆาตกรรมหน้าองค์พระ ‘เสี่ยอ้วน’ ฆ่าเพราะรัก ล่าข้ามแดน รวบทั้งขบวนการ !!

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 22 สิงหาคม ที่ห้องกระจก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาฆ่านางสาวปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 บริเวณลานจอดรถหน้าเขาชีจรรย์ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มาทำการสอบปากคำโดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี ร่วมสอบปากคำ แจ้งข้อกล่าวหา และให้นายปัญญาชี้ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ เช่นอาวุธปืน โดยเสี่ยอ้วนมีสีหน้าเรียบเฉย อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีกากีอ่อน สวมหมวกผ้าสีดำโพกปิดศีรษะ ทั้งนี้ ผบ.ตร.และคณะใช้เวลาสอบปากคำเสี่ยอ้วน ประมาณ 30 นาที

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ หลังสอบปากคำ นายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน ว่า นายปัญญารับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยทำเป็นขบวนการ มีคนชี้เป้าแต่ตนขอไม่เปิดเผยว่ามีการตระเตรียมอย่างไร เป็นเรื่องในสำนวน เอาเป็นว่านายปัญญารับสารภาพ บอกได้แค่นั้น สำหรับประเด็นที่นายปัญญายังให้การขัดแย้งกับผู้ต้องหารายอื่น ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำคดีเพราะทุกอย่างว่ากันตามพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ รองผบ.ตร.เป็นผู้กำกับดูแล โดยตนสั่งให้วางมาตรการดูแลความปลอดภัย ดูแลความสงบในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุมประชาทัณฑ์

ผบ.ตร.กล่าวว่า เชื่อว่านายปัญญาคงไม่ทำร้ายตัวเอง เพราะพูดคุยรู้เรื่อง ซึ่งตัวนายปัญญญา และได้ดูข่าวในโซเชียล เขาดูกูเกิ้ล ที่ตนพูดว่า มี 2 ทางเลือก คือทางตันและทางตาย เขายอมรับว่ากลัว โดยอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา ไม่ได้สะดวกสบายหรอก ใช้ชีวิตปกติได้บ้าง พอจะดูข่าว ดูโซเชียลได้บ้าง ทั้งนี้นายปัญญาเพิ่งรู้ว่าตัวเองก่อเหตุหน้าองค์กระแกะสลักที่เขาชีจรรย์ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นรูปแกะสลักธรรมดา

Advertisement
“พอรู้ว่าเป็นพระ เขาก็กลัว เขากลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ปืนไม่ลั่นตั้ง2-3นัด” ผบ.ตร.กล่าวและว่า ผู้ต้องหารายอื่นๆที่หลบหนีข้ามแดนไปประเทศต่างๆ ก็จะใช้มาตรฐานเดียวกัน ในการติดตามจับตัวให้ได้ ถ้ามีโอกาสเราต้องจับให้ได้ โดยเฉพาะ นายโก้ หรือนายอัศยา ชัยภา ผู้ต้องหาฆ่านางสาวธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ หรือเชอรี่ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีกระแสข่าวว่าหลบหนีไปกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งตนเชื่อว่ากรณีนายอัศยาเดี๋ยวก็จับได้

เมื่อถามถึงประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่านายปัญญา เคยฆ่าคนตาย ที่จ.ภูเก็ตแล้ววิ่งเต้นล้มคดี ไม่ถูกลงโทษ โดยกล่าวหาว่ามีการจ่ายเงิน 2 ล้านบาท นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นเรื่อของโซเชียลที่วิจารณ์ คดีที่ภูเก็ตยังไม่ดู เอาเรื่องนี้ที่ชลบุรีก่อน ส่วนจะรื้อคดีหรือไม่เอาไว้ก่อน

ด้านนายปัญญา กล่าวสั้นๆกับผู้สื่อข่าวขณะถูกคุมตัวกลับไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า ได้เห็นที่ ผบ.ตร.พูดว่ามีทางเลือก 2 ทาง คือทางตันกับทางตาย ตอนนั้นก็เลือกตัน คือหนีไปให้ถึงที่สุด

ขณะที่คดีนี้หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 6 คน จึงได้ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดพัทยา เพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาในฐานความผิด “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ประกอบด้วย

Advertisement
1. นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ อ้วน เจ้าของสถานบันเทิง ในพื้นที่หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้บงการวางแผน และใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต
2. นายสายันต์ ศรีสุข หรือ ยัน ทำหน้าที่แฝงเป็นแฟนของเพื่อนผู้เสียชีวิต เพื่อสืบข่าวและชี้เป้าหมายตลอดเส้นทาง
3. นายเกียรติศักดิ์ สุรางแสงมีบุญ หรือ บอล ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว เพื่อพานายณรงค์ วรินทรเวช หรือ บ่าว มือปืน พร้อมนำพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน มาจากจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งถอดเปลี่ยนป้ายทะเบียนเพื่อตบตา และขับรถจอดปิดท้าย เพื่อให้นายปัญญา และนายรณรงค์ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต
4. นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อบ เดินทางมาพร้อมนายปัญญา เพื่อทำหน้าที่ในการขับรถเช่า ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว เพื่อสะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต
5. นายกฤษณะ สีสุข หรือ มด ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายเกียรติศักดิ์ ในการสะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต
6. นายณรงค์ วรินทรเวช หรือ บ่าว ทำหน้าที่มือปืนผู้ลั่นไกสังหารผู้เสียชีวิต
พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.)สอบปากคำนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน ขณะถูกควบคุมตัว
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและจับกุมผู้ต้องหาในลำดับที่ 2-6 เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่สำหรับนายปัญญา ยิ่งดัง หรือ อ้วน ผู้บงการ ยังคงหลบหนีการจับกุม แต่จากการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าได้มีผู้ให้การช่วยเหลือนายปัญญา พาข้ามพรมแดนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลแขวงพัทยาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 คนประกอบด้วย1. นายนิเวศน์ ยิ่งดี2. นายโกวัน ศิลปาโน 3. นายวินัย ศิลปาโน 4. นายภูธร สิงห์ดี ในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยเหลือผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่” จนสามารถติดตามและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนมาดำเนินคดีได้แล้ว
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ของประเทศกัมพูชา จนสามารถติดตามและจับกุมตัว นายปัญญา ได้ที่ จังหวัดปรีเวง ประเทศกัมพูชา ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยมิได้รับอนุญาต และทางประเทศกัมพูชาได้ทำการผลักดันออกนอกประเทศ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.สุชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ จึงนำกำลังรับตัวนายปัญญากลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 25 วัน นับแต่วันเกิดเหตุ 29 กรกฎาคม จนถึงวันนี้ ที่คุมตัวเสี่ยอ้วนผู้ต้องหาคนสุดท้ายได้ และแจ้งข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่ามูลเหตุการฆ่าโหด 2ศพ มาจากความรักและความแค้น ที่เสี่ยอ้วนมีต่อน้องสปาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image