ผู้เขียน | ชโลทร |
---|
⦁…กลายเป็น “คู่เกทับ บลั๊ฟใส่กัน” รายวันไปแล้ว ระหว่าง “อดีต ผบ.ทบ.” ซึ่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในปัจจุบัน กับ “อดีตนายกรัฐมนตรี” ผู้ต้องไป “สัญจรอยู่ประเทศอื่น” ในปัจจุบัน วาทะที่เริ่มจากชื่อ “ยิ่งลักษณ์” มาสู่ “พ่อปู แม่ปู” ว่า “ใครเดินตรง ใครเดินเป๋” ก่อให้เกิดกระแสขุดคุ้ยอดีตการทำงานร่วมกัน โลกออนไลน์เกลื่อนด้วยข่าวและรูป ทั้ง “ภาพนิ่ง” และ “ภาพเคลื่อนไหว” ฟื้นความทรงจำกันยกใหญ่ ซึ่งคงเดากันได้ไม่ยากว่า “ภาพส่วนใหญ่” จะบอกเล่าถึงสัจธรรมแบบไหน
⦁…เรื่องหนึ่งที่น่าประหลาด “การเลือกตั้ง” ของประเทศไทย แม้ทุกฝ่ายจะตระหนักและรับรู้ถึงความจำเป็นที่จะต้อง “ทำให้เกิดขึ้น” ถ้าไม่พยายามโกหกตัวเอง ด้วย “เหตุผลที่แม้แต่ตัวเองก็ทำใจให้เชื่อไม่ได้” ยิ่งยื้อ “การเลือกตั้ง” ออกไปนานเท่าไร พัฒนาการของประเทศไทยในด้านต่างๆ จะยิ่ง “ถอยหลังเข้าถ้ำ” มืดมิดในความหวังสำหรับโลกที่ “การแข่งขัน” สูงยิ่งมากเท่านั้น ทว่าแม้จะประกาศกันครั้งแล้วครั้งเล่าถึง “วันเลือกตั้ง” แต่คำถามในแวดวงผู้ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด ยังคือ “คิดว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่” แถมที่ทำให้คนเชื่อมากกว่าคือคำตอบที่ว่า “ยังไม่น่าจะมี”
⦁…เมื่อ กกต.สรุปออกมาชัดเจนว่า ตามขั้นตอนของโรดแมป คสช. วันเลือกตั้งจะเป็น “24 ก.พ.62” นั่นหมายความว่า “ทุกอย่างพร้อม” นำประเทศคืนสู่บรรยากาศ “เริ่มต้นประชาธิปไตย” ได้ทันที แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นความพร้อมในระดับ “กลไกการจัดการ” เท่านั้น ส่วน “ความพร้อมในระดับยุทธศาสตร์” ยังไม่มี “ผู้มีอำนาจ” คนใด ฟันธงได้ว่าจะเป็นไปตามนั้น เช่นเดียวกับ “นักการเมืองทั้งหลาย” แม้จะรับรู้ถึง “แนวโน้มของประเทศ” แต่กลับไม่มีใครมั่นใจว่า “เลือกตั้ง” ซึ่ง “ดีต่ออนาคตของประเทศที่สุด” จะมีได้ตามวันเวลาที่ว่า
⦁…ความเชื่อว่า “ยังไม่เลือกตั้ง” ไม่ใช่แค่มาจากที่คิดว่า “ผู้มีอำนาจตัดสินใจ” กลัวแพ้เท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์กันไปถึง “สถานการณ์หลังเลือกตั้ง” ซึ่งจะกลายเป็นแรงกดดันมหาศาล จนวิตกกันว่าจะเกิดวิกฤต ในระดับที่ “ไม่มีใครควบคุมได้” อันเป็นผลมาจาก “โครงสร้างอำนาจ” ตามกฎหมายที่เขียนขึ้น จะสร้าง “ความขัดแย้งรุนแรง” ให้เกิดขึ้น ไม่ว่า “ผลการเลือกตั้ง” จะออกมาเป็นแบบใด ล้วนแล้วแต่จะพา “สถานการณ์ทางการเมืองไปสู่ทางตัน” อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
⦁…ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ล้วนมองจากข้อเท็จริงเดียวกันคือ “เพื่อไทย” จะยังได้รับเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด แต่ “โอกาสจัดตั้งรัฐบาล” ในโครงสร้างอำนาจที่ถูกออกแบบไว้แล้วนี้ “เลิกคิด” ไปได้เลย นั่นหมายถึง “จะต้องมีรัฐบาลที่ไม่ใช่ผู้ชนะเลือกตั้ง” อันง่ายจะถูกหยิบยกเรื่อง “ขัดเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่” ขึ้นมาโจมตี แน่นอน “เหตุผลทางการเมือง” ย่อมถูลู่ถูกังไปได้ แต่ “สถานการณ์ปากท้องประชาชน” อันเป็นความหวังที่ฝากไว้กับ “ประชาธิปไตย” จะถูกขยายให้เป็น “ชนวนแห่งความไม่ยินยอม” ขึ้นในยุคสมัยที่ “รัฐสภา” เป็นเวทีการเมืองของ “ผู้แทนประชาชน” อย่างน้อยระดับหนึ่ง ทำให้ “การบริหารกระแส” ไม่ง่ายเหมือน “สภาฝักถั่ว” ในปัจจุบัน
⦁…และเพราะ “เสี่ยงวุ่นวายหลังเลือกตั้ง” นี่เอง จึงมีคนคิดให้ต้องประเมินกันละเอียดว่า จะรับมือกันไหวหรือไม่ ระหว่าง “ให้เลือกตั้งแล้วยุ่งเหยิง” กับ “ยื้อเลือกตั้งออกไปก่อนแม้จะเสื่อมทรุด” ทางเลือกไหนดีกว่า ในมุมมองนี้ “พรรคการเมือง” ยังเป็นจำเลยอยู่เหมือนเดิม ไม่มีใครมองว่า ปัญหาเกิดจาก “กติกาโครงสร้างที่มีวาระซ่อนเร้น” หาก “เลือกตั้งเสรี” ด้วย “กติกาที่เป็นสากล” เสียก็จบ อย่างไรก็ตาม “ความเป็นไปต่างๆ มาไกลจนมีทางเลือกไม่มากแล้ว”
⦁…อาจบางทีความหวังบางอย่างจึงอยู่ที่ “เดือนกันยายน” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ว่าจะ “มีความชัดเจนสำหรับอนาคตทางการเมือง” ระหว่าง “คืนเวทีให้นักการเมือง” อันรวมถึง “โดดลงร่วมเวทีอย่างองอาจ ตรงไปตรงมา” หรือ “รอม้าขาวเตรียมขี่ออกไปเป็นพระเอก” หลังกระแส “นักการเมืองแตกแยก” ไม่สามารถรวมพรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งมองไม่ยากว่า “หนทางไหน” จะลด “โอกาสที่จะเกิดความยุ่งเหยิงหลังเลือกตั้งลงได้มากกว่า”
ชโลทร