ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม ที่ห้องประชุม สภ.เกาะเต่า พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นวันที่ 4 กล่าวว่า การสอบสวนจนถึงขณะนี้ยังไม่พบพยานหลักฐาน หรือ คำบอกเล่าอื่นใดที่บ่งชี้ว่าเกิดเหตุตามที่ น.ส.อีสเบล กล่าวอ้าง ฉะนั้นหนทางที่ยังเหลืออยู่ คือ การสอบสวนปากคำผู้เสียหาย และอยากวิงวอนให้ผู้เสียหายเข้าพบตำรวจ เพื่อให้ความจริงได้กระจ่างเร็วที่สุด เพราะขณะนี้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายไปมากแล้ว
พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า ล่าสุดสอบปากคำพยานแล้วประมาณ 20 รายเป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของโรงแรมที่พัก เจ้าของร้านอาหาร พนักงานรักษาความปลอดภัย หมอนวดแผนโบราณ และบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยทั้งหมดเป็นบุคคลที่อยู่ตามสถานที่ และเส้นทางที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างตามที่เป็นข่าว แต่จากการสอบพยานทั้งหมด ยังไม่พบพยานหลักฐานใดว่าเกิดเหตุ ข่มขืน อนาจาร หรือชิงทรัพย์
“ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังสถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ผ่านทาง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ขอความร่วมมือให้สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ประสานไปยัง น.ส.อีสเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนปากคำพร้อมทั้งนำส่งพยานหลักฐานที่เชื่อว่าเป็นผลต่อการสอบสวนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย แม้ว่ามารดาผู้เสียหายให้สัมภาษณ์สื่อไทยว่าจะเข้าพบเจ้าหน้าที่แล้วก็ตาม แต่เรายังต้องการสอบสวนปากคำ น.ส.อีสเบล ซึ่งผู้เสียหายโดยตรง ” พ.ต.อ.วิชอบ
