จ่อหมายจับแอดมินชาวอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์นำเสนอข่าวเท็จโจมตี ‘เกาะเต่า’

ผบช.สตม.สั่งตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานีหาตัว 2 แอดมินชาวอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์ นำเสนอข้อมูลลงในเว็บที่เป็นเท็จโจมตีเกาะเต่า ขณะที่ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี หอบสำนวนสอบปากคำพยานกว่า 200 ปาก รายงาน ผบช.ภ.8

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ท่าเทียบเรือนำเที่ยว ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากเกาะเต่า พร้อมนำข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และสำนวนการสอบปากคำพยานกว่า 200 ปาก ที่เป็นผู้พบเห็นหรือที่อยู่ในสถานที่บริเวณใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องกับคำบอกเล่าของแหม่มชาวอังกฤษ ขณะที่มาท่องเที่ยวที่เกาะเต่า แล้วมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้น เพื่อรายงาน ผบช.ภ.8

พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า เมื่อคืนหลังที่ได้สอบปากคำพยานทุกๆ คนโดยเฉพาะพยานที่ถูกกล่าวอ้างถึง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ว่าพบเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้บ้างหรือไม่ พบเห็นในลักษณะใด มีผู้ใดอยู่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวบ้างหรือไม่ เพื่อจะนำไปสู่ให้เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมให้ชี้ชัดว่ามีเหตุเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร

พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวอีกว่า หลังจากสอบปากคำเสร็จได้เรียกทีมพนักงานสืบสวนสอบสวนมาประชุม และมีความเห็นว่าวันนี้จะทำการรวบรวมหลักฐานทุกประเภทและสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอไปยังผู้บัญชาการภาค 8 เพื่อพิจารณาต่อไป และวันนี้มีความเห็นสามารถปิดได้แล้วว่าไม่พบเหตุการณ์ตามที่นักท่องเที่ยวกล่าวอ้างมา นอกจากว่านักท่องเที่ยวที่กล่าวอ้างนำหลักฐานมาเสนอเพิ่มเติม ในส่วนของตำรวจยืนยันว่าได้ทำครบถ้วนแล้วทั้งตรวจสอบพยานบุคคล พยานวัตถุ กล้องวงจรปิด หลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ ครบทุกประเภทแล้ว มีความมั่นใจว่ายืนยันได้

Advertisement

ขณะมีรายงานแจ้งว่า พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. สั่งการให้ตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี หาตัว 2 แอดมินชาวอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์หนึ่งนำเสนอข้อมูลลงในเว็บไซต์ที่เป็นเท็จลักษณะโจมตีเกาะเต่า

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าดำเนินการตรวจสอบจุดแรกที่บ้านเลขที่ 45/1 หมู่ 3 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่พบว่าบ้านเลขที่ดังกล่าว ได้รับแจ้งจากประชาชนบริเวณใกล้เคียงทราบว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวได้ถูกทำลายแล้วสร้างโรงแรมขึ้นแล้ว จุดที่สองตรวจสอบบ้านเลขที่ 206/3 หมู่ 4 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้พบกับนางสมบูรณ์ เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว บอกว่าเคยรู้จักกับนายแอนโทนีกับนางซูซานจริง แต่นายแอนโทนีและนางซูซานได้ย้ายออกจากบ้านเลขที่ดังกล่าวไปแล้วเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดเดือนมกราคม 2561 นายแอนโทนีได้กลับมายังประเทศไทยทีเกาะสมุยมาพบนางสมบูรณ์ และได้เดินทางออกจากประเทศไป ส่วนนางซูซานไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลานานกว่า 4 ปีแล้ว

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะเต่าเตรียมขออำนาจศาลจังหวัดเกาะสมุย ออกหมายจับ 2 แอดมินเว็บไซต์การเอาเรื่องราวไปลงในเพจต่างๆ ไม่ใช่ความจริง ก็จะมีความผิดในการนำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษสุงสุด 5 ปี คนที่ชมแล้วแชร์ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image