นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยช่วง 7 เดือนแรกปี 2561 มีมูลค่า 800,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.14% โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 456,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.72% และการนำเข้ามูลค่า 343,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.03% จึงเกินดุลการค้ามูลค่า 112,446 ล้านบาท โดยหากแบ่งเป็นการค้าชายแดน มีมูลค่า 647,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.69% และการค้าผ่านแดน 153,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.89%
นายอดุลย์ กล่าวว่า ในส่วนการค้าชายแดน หากมองเป็นรายประเทศพบว่าการค้ากับมาเลเซีย การส่งออกมีมูลค่า 173,364 ล้านบาท ลดลง 5.40% สาเหตุสำคัญเพราะการส่งออกยางพาราลดลง เนื่องจากความต้องการยางพาราในตลาดโลกลดลง รวมถึงประเทศผู้ซื้อมีการผลิตยางพาราเอง ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 156,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.86% เมียนมา การส่งออกมีมูลค่า 63,665 ล้านบาท ลดลง 2.12% สาเหตุเพราะค่าเงินบาทของเมียนมาอ่อนตัวลง ทำให้การนำเข้าสินค้าราคาสูงขึ้น จึงทำให้ต้องมีการชะลอการนำเข้าสินค้าจากน การเข้มงวดเรื่องการนำเข้าน้ำตาล และเส้นทางการขนส่งที่สำคัญถูกน้ำท่วม ทำให้ได้รับผลกระทบในการขนส่งสินค้า ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 48,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.15% เวียดนาม การส่งออกมีมูลค่า 33,356 ล้านบาท ลดลง 5.14%
นายอดุลย์ กล่าวว่า สาเหตุเพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เขื่อนแตกที่ลาว ทำให้ต้องย้ายการขนส่งสินค้าไปทางเรือ จึงทำให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่การนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 14,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.43% ส่วนการค้าผ่านแดน พบว่าสินค้าถูกส่งออกไปยังสิงคโปร์ เป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 24,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.29% รองลงมาเป็น จีนตอนใต้ การส่งออกมีมูลค่า 19,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.92%สาเหตุที่การส่งออกไม่ขยายตัวเท่าที่ควร
“เนื่องจากมีการย้ายฐานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเวียดนาม ทำให้ตัวเลขลดลง แต่ยังคาดว่าหากรวมมูลค่าทั้งปีจะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าที่วางไว้ คือ 1.5 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 15% ส่วนการคาดการณ์ในปี 2562 ต้องขอดูภาพรวมในปีนี้ก่อน โดยในตอนนี้มีการจัดกิจกรรมกระตุ้นการค้าอย่างต่อเนื่องซึ่งประสบความเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากนี้จะมีการจัดโครงการ สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยจับคู่ระหว่างไทยกับ 5 ประเทศในกลุ่ม ซีแอลเอ็มวี ” นายอดุลย์ กล่าว
