แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุผลหลักของคสช.ที่ยังทำเพียงแค่คลาย โดยไม่ยอม “ปลด” ล็อกให้กับพรรคการเมือง
แต่การที่ นายวิษณุ เครืองาม ออกมายอมรับ
“การที่ฝ่ายการเมืองออกมาระบุว่าไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวนั้นแต่คสช.กลัว”
เท่ากับเป็นการชี้ร่องรอยและเบาะแส
เป็นการชี้เบาะแสว่า ความกลัวของคสช.วางน้ำหนักอยู่ที่บท บาทของพรรคการเมืองในระหว่างการไปพบปะกับประชาชน
เป็นการชี้ร่องรอยว่า คสช. ยังหวาดระแวงพรรคการเมือง
หวาดระแวงว่าพรรคการเมืองยังคงมี “วาระ” บางวาระในลักษ ณะ “ซ่อนเร้น”ต่อคสช.ดำรงอยู่
น่าจะเป็น”บางพรรค” มิใช่ทุกพรรค
ความกลัวที่มีอยู่ของคสช.ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม ชี้ร่องรอยและเบาะแสนี่แหละคือความละเอียดอ่อน
ละเอียดอ่อนต่อกระบวนการ”คลายล็อก”
เป็นการยืนยันให้ตระหนักว่า คสช.ยังดำรงจุดมุ่งหมายในการกำกับและดูแลกระบวนการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด แม้จะใช้คำว่า “คลาย”ก็ตาม
นั่นก็คือ อำนาจยังอยู่ในมือของ “คสช.”
ความหมายย่อมหมายความว่า ต่อพรรคการเมืองคสช.จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด
กระนั้น ลักษณะของพรรคการเมืองก็ดังที่คสช.ตระหนัก
ทันทีที่คสช.ประกาศว่าจะ “คลาย” พรรคการเมืองก็รุกคืบไปยัง “ปลด” อย่างไม่รีรอ
เพราะว่าเป้าหมายแท้จริงคือ ต้องการให้”ปลด”
การมีคนอย่าง นายวิษณุ เครืองาม มาเป็นรองนายกรัฐมน
ตรีก็เพื่อการนี้
นั่นก็คือ เป็น”หนังหน้าไฟ” ให้กับ “คสช.”
กล่าวสำหรับพรรคการเมือง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมือง”บางพรรค”ย่อมต้องระมัดระวังอย่างเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนในห้วงแห่งการหาสมาชิก หากประมาทเมื่อใดโอกาสพลาดก็ตามมา
และนั่นคือ ขวากหนามและกับดัก