จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ลงพื้นที่จังหวัดเลย และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 17-18 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบให้พัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานเลย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานท่าอากาศยานและรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มและมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยใช้งบประมาณ 987.8 ล้านบาท ดำเนินการพัฒนาโดยท่าอากาศยานเลย
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายวีระวัฒน์ ทะคง ผอ.การท่าอากาศยานเลย เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.ที่เพชรบูรณ์ที่ผ่านมา ทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ตอนบน จังหวัดเลย พร้อมทั้งภาคของเอกชน ได้เสนอคณะ ครม.การปรับปรุงเรื่องของการท่าอากาศยานเลย ซึ่งเดิมกรมท่าอากาศยานได้มีโครงการจัดสร้างอยู่แล้วในปีงบประมาณ 2565 แต่ทางจังหวัดและภาคของเอกชนเห็นร่วมกันว่าควรผลักดันให้พัฒนาเร็วขึ้น และเป็นจังหวะดีที่ ครม.ได้มาจัดประชุมสัญจรนอกพื้นที่ จึงได้เสนอให้เป็นมติ ครม.ให้มีการก่อสร้างให้เร็วขึ้น
“ส่วนแบบนั้นได้จ้างที่ปรึกษาออกแบบเรียบร้อยพร้อมดำเนินการได้ทันที แต่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แนะนำเสนอว่าควรมีการปรับแบบเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสม โดยมีข้อสรุปจะสร้างตามแนวของอาคารเดิม และสามารถใช้งานในอาคารเดิมได้ ซึ่งจะเริ่มสร้างในปีงบประมาณ 2563 และจะเสร็จในปลายปลายปี 2564 ส่วนในอาคารโดยสารปัจจุบันที่กำลังต่อเติม คาดว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 9 แสนคนต่อปี แต่ถ้าได้อาคารหลังใหม่ที่ออกแบบไว้จะรับผู้โดยสารได้ประมาณ 1.7 ล้านคนต่อปี” นายวีระวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานเลยมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 3 แสนคน ไม่พอกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.เลย ประมาณ 3 ล้านคนต่อปี ดังนั้น จ.เลย ควรจะมีสนามบินที่เพิ่มขึ้นโดยรับผู้โดยสารอย่างน้อย 1 ล้านคนต่อปี