‘บิ๊กแป๊ะ’ สั่ง ให้ความเป็นธรรม 2 ฝ่าย เหตุตร.ภูเก็ตวิสามัญหนุ่มประวัติโชกโชนซิ่งหนีด่านตรวจ ยิงสู้จนท.

เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูเก็ตวิสามัญ นายชิษณุพงศ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ชาวภูเก็ต  ผู้ขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์กระบะ ทะเบียน บบ-1233 ภูเก็ต เสียชีวิต ขณะขับฝ่าจุดตรวจ-จุดสกัด ของ สภ.เมืองภูเก็ต เข้ามาในเขตพื้นที่ของ สภ.เชิงทะเล จว.ภูเก็ต และพยายามใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจภายในรถยนต์กระบะของผู้เสียชีวิต พบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .357 พร้อมกระสุน อยู่บนเบาะรถซึ่งผู้ตาย และ อาวุธไทยประดิษฐ์  1 กระบอก พร้อมกระสุน อยู่ในรังเพลิง และยังพบกระสุนปืนขนาดต่างๆ อีกจำนวนหนึ่งภายในรถยนต์กระบะ จึงตรวจยึดไว้ประกอบคดี

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจประวัติผู้ตาย พบว่ามีประวัติต้องโทษคดีอาญาหลายคดี และเคยมีหมายจับจำนวนหลายหมายจับ ซึ่งในเบื้องต้นในคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนการสอบสวนแบ่งเป็น 3 สำนวน คือ 1.สำนวนคดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่ง ผู้ตายตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ในความผิดฐาน  ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ , พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ  2.สำนวนคดีฆ่าผู้อื่นโดยอ้างเหตุป้องกันจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่วิสามัญผู้ตายตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยอ้างเหตุป้องกันตัวเจ้าพนักงานจากการปฏิบัติหน้าที่  3.สำนวนคดีชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตของผู้ตาย

“พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ได้กำชับพนักงานสอบให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงทางคดีเป็นสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ให้ยึดหลักตามยุทธวิธีตำรวจ ที่ได้ผ่านการฝึก อบรม ทบทวน ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ ตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด  การตรวจค้นบุคคล-ยานพาหนะ  การจับกุม ประกอบกับการตัดสินใจใช้อาวุธปืนในภาวะวิกฤติ ตามที่ได้รับการฝึกหัดทักษะในวิชาชีพตำรวจ มาปรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมหมั่นฝึกทบทวนอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เกิดความเคยชิน ลดการสูญเสีย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน โดยจะต้องยึดหลัก กระทำการตามอำนาจหน้าที่ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และใช้หลักยุทธวิธีตำรวจควบคู่กันไป”รองโฆษกตร.กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image