เอเดรียน แวน ฮูยดูง หัวหน้าฝ่ายดีไซน์ บีเอ็มดับเบิลยู เปิดเผยว่า หลังจากบีเอ็มพัฒนายนตรกรรมแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู วิชั่น ไอเน็กซ์ (BMW Vision iNext) รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด เป็นรถพลังงานไฟฟ้าไร้คนขับ หลังจากเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และอยากเห็นรถแห่งอนาคตของค่ายบีเอ็มฯว่าจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร มีทั้งภาพดีไซน์ ภาพสเกตช์ ภาพทีเซอร์ ภาพต้นแบบ ออกมาเผยแพร่เป็นเวลาหลายเดือน และล่าสุดบีเอ็มเผยแพร่ภาพวิชั่น ไอเน็กซ์ ออกมาแล้ว
ฮูยดูงกล่าวว่า สำหรับรถต้นแบบในรูปแบบรถครอสโอเวอร์พลังไฟฟ้าขับขี่ไร้คนขับแสดงให้เห็นถึงทิศทางของค่ายบีเอ็มมุ่งก้าวไปข้างหน้าและเผยให้เห็นการผลิตรถดังกล่าวเป็นรถฉีกแนวความเป็นต้นแบบรถแห่งอนาคตด้วยการใช้สีทองแดง ล้อแบบโอเวอร์ไซซ์ขนาด 24 นิ้ว เน้นสีฟ้าเพื่อบ่งบอกถึงระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้า ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา และไร้ท่อไอเสียกวนสายตายิ่งทำให้ดูล้ำสมัย กระจังหน้าขนาดใหญ่ถูกรวมเข้าด้วยกัน ออกแบบให้กลืนไปกับตัวรถด้วยเซ็นเซอร์สำหรับระบบขับขี่ไร้คนขับอัตโนมัติ
“ยนตรกรรมแห่งอนาคตมาพร้อมกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก่อให้เกิดไอเดียต่างๆ เปลี่ยนแนวทางที่เราคิดเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ โดยสร้างก้าวใหม่ที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเปลี่ยนแปลงสำหรับการเดินทาง แสดงให้เห็นถึงรถอัจฉริยะ ช่วยให้ชีวิตคนรุ่นใหม่ง่ายขึ้นและหรูหรากว่าเดิม” ฮูยดูงกล่าว และว่า หลังคาแก้วแบบพาโนรามิกขนาดใหญ่ ช่วยให้แสงส่องสว่างภายใน ดีไซน์เพื่อให้การโดยสารภายในรถให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นมากกว่านั่งในรถยนต์ทั่วไป ดีไซน์ภายในใช้โทนสีเอิร์ธ เน้นความอบอุ่นทั้งหมดด้วยการตกแต่งด้วยสีเนื้อไม้อ่อน และการตกแต่งด้วยผ้าฝ้ายคุณภาพสูง หน้าจอแสดงผลในรถต้นแบบเคยใช้แบบแก้ว ถูกเปลี่ยนมาเป็นโปรเจ็กเตอร์ สามารถเปลี่ยนพื้นผิวในการแสดงผล ควบคุมด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับแบบสามมิติ
เคลาส์ ฟริชช์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา บีเอ็มดับเบิลยู กล่าวว่า บีเอ็มได้พัฒนาระบบขับขี่ไร้คนขับอัตโนมัติให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ ขึ้น มีระบบเชื่อมต่อต่างๆ เพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วยยกระดับประสบการณ์และวิธีการใหม่ๆ ในการเปลี่ยนการเดินทาง ด้วยความคิดนี้ เราได้ออกแบบ บีเอ็ม วิชั่น ไอเน็กซ์ เป็นรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในรูปแบบที่สร้างสภาพแวดล้อมเพิ่มคุณภาพการใช้ชีวิต ด้วย เฟเวอริท
สเปซ (Favourite Space) คือต้องการให้ผู้ใช้เป็นตัวของตัวเองและผ่อนคลาย นอกจากนี้ความพยายามของบีเอ็มยังคงมุ่งเน้นไปที่ผู้คนโดยรอบ ความจำเป็นและความต้องการเมื่อมาอยู่ในรถ และในอนาคต
ฟริชช์กล่าวว่า แนวคิดของการออกแบบในการทำงาน หรืออย่างน้อยในทางทฤษฎี หรือในการขับขี่อัตโนมัติโดยสมบูรณ์ในโหมดเอส (Ease) หรือในโหมดผู้ขับขี่เลือกขับเอง หรือบูสท์ (Boost) พร้อมพวงมาลัย พับเก็บได้เองเมื่อไม่ได้ใช้งาน และการขับขี่ควบคุมด้วย
คันเร่งไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนสเปกอื่นๆ บีเอ็มจะค่อยๆ ทยอยเปิดออกมาในเร็วๆ นี้
ส่วนโรงงานผลิตวิชั่น ไอเน็กซ์ จะผลิตที่โรงงานดิงโกลฟิง (Dingolfing) ของบีเอ็มที่ใช้เป็นโรงงานผลิตรถไม่น้อยกว่า 3 ล้านคันทุกปี ตามแผนบีเอ็มจะเริ่มผลิตออกสู่ตลาดในปี 2021
