นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมเปิดให้เอกชนผู้ประสงค์สมัครเป็นตัวแทนในการดำเนินการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)ให้แก่นักท่องเที่ยว ในเมือง ตั้งแต่วันที่ 7 – 17 กันยายน พบว่ามีเอกชนสนใจยื่นมา 3 ราย เป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และกลุ่มนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้กรมกำลังพิจารณาคุณสมบัติ และประกาศรายชื่อออกมา โดยการคืนแวตให้กับนักท่องเที่ยวจะเริ่มทดลองดำเนินการในช่วง 6 เดือนคือ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 – วันที่ 31 มีนาคม 2562 หลังจากนั้นจะประเมินว่าช่วยให้เกิดเงินหมุนเข้าระบบเศรษฐกิจเท่าใด มีการโกงหรือทุจริตหรือไม่ และช่วยลดระยะเวลาการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวแค่ไหน จากขณะนี้มีจุดคืนแวตแห่งเดียวที่สนามบิน ซึ่งพบว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวขอคืนแวตจำนวนมาก
นายเอกนิติ กล่าวว่า ปัจจุบันมียอดการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวปีละประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวขอคืนภาษีประมาณ 2 ล้านรายต่อปี กรมไม่ได้หวังว่าจะต้องคืนภาษีมากขึ้น เพราะgป็นการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว และเงินที่คืนภาษีให้นั้นหวังว่านักท่องเที่ยวจะนำมาใช้จ่ายเพิ่มในระหว่างที่อยู่เมืองไทย ซึ่งเอกชนที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติสามารถเปิดจุดคืนแวตได้ 3 จุดต่อราย กำหนดวงเงินสำหรับนักท่องเที่ยวในการซื้อสินค้าจะได้รับการคืนแวตทันทีไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท และหากเป็นสินค้าราคาแพง เช่น นาฬิกา ปากกา แว่นตา จะต้องแสดงสินค้าต่อเจ้าหน้าที่หลังจากผ่านตม.ไปแล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าสินค้าดังกล่าวจะถูกนำออกนอกประเทศจริง ไม่ได้ซื้อไปแล้วนำกลับมาใช้ในประเทศ
“ในเริ่มแรกเปิดทดลองในเขตกรุงเทพและปริมณฑลกับผู้ที่ผ่านการพิจารณา โดยมีระยะเวลาดำเนินการในลักษณะแซนบล็อก 6 เดือน หลังจากนั้นกรมสรรพากรจะประเมินผล และเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป หากให้ผลดีอาจเปิดการคืนแวตเป็นการทั่วไป”นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติที่เอกชนต้องมี ประกอบด้วย 1. เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย 2. มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไป 3. เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนแวต ซึ่งคำนวณเสียแวต ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และไม่เคยมีประวัติเป็นผู้ออกหรือใช้ใบกำกับภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 4. มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเป็นตัวแทนของผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ในการ ขอคืนแวตจากกรมสรรพากร ปรากฏอยู่ในข้อหนึ่งข้อใดที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองนิติบุคคล
นายเอกนิติ กล่าวว่า 5. มีพื้นที่ในการให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แก่ผู้เดินทางออกไป นอกราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 6. มีเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ รวมถึงระบบงานพื้นฐาน ด้านคอมพิวเตอร์ในการให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร 7. มีระบบเชื่อมต่อการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรกับเครื่องอ่านหนังสือเดินทาง และสามารถส่งข้อมูลการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ให้กับกรมสรรพากรได้ในทันที
