นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวเปิดงานสัมมนาวิชาการ ธปท. ประจำปี 2561 “สู่ยุคใหม่ของระบบการเงินและธนาคารกลาง” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 กันยายน 2561 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ ใจความส่วนหนึ่งว่า การแลกเปลี่ยนมีตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบมีพัฒนาการต่อเนื่อง ทั้งการใช้สิ่งของ เปลือกหอย เหรียญจากโลหะมีค่า เงินในรูปแบบกระดาษมาถึงปัจจุบันที่มีการใช้โมบายแบงก์กิ้ง และพร้อมเพย์มี่สามารถโอนเงินจำนวนมากได้สะดวก ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกการเงินคือ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้ การเงินคือธุรกิจแห่งความไว้วางใจ(Trust) ที่ความไว้วางใจเกิดจากการประมวลข้อมูลจำนวนมากทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต นำไปสู่การประเมินความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี การปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ทำให้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น รวดเร็วขึ้น ต้นทุนถูกลง จะเห็นผลิตภัณฑ์และบริการท่ีตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการมาตรฐาน และส่งผลให้เส้นแบ่งพรมแดนที่เคยมีอยู่หายไป ทั้ง เส้นแบ่งพรมแดนประเทศ เพราะสามารถซื้อขายสินค้า และการค้าการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน ได้เกือบทุกประเทศในโลก อีกข้อคือ เส้นแบ่งพรมแดนระหว่างบริษัทในกระบวนการผลิต จากบริษัทเดียวในอดีตสามารถแบ่งกระบวนการผลิตให้บริษัทต่างๆดำเนินการได้ และเส้นแบ่งประเภทธุรกิจ ที่ผสมผสานหลายประเภทไว้ เช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เป็นทั้ง พื้นที่ขายสินค้า ปล่อยสินเชื่อ และโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งการบริหารความเสี่ยงด้านข้อมูลมีความสำคัญไม่น้อยกว่าการบริหารความเสี่ยงด้านอื่น
นายวิรไท กล่าวว่า สําหรับธนาคารกลางกรอบการดำเนินงานเดิมเป็รไปตามโลกที่มีขอบเขตและเส้น แบ่งที่ชัดเจน ทั้งพรมแดนระหว่างประเทศ เส้นแบ่งระหว่างสถาบันกานเงินแต่ละประเภท หรือเส้นแบ่งระหว่างผลิตภัณฑ์การเงิน แต่ในโลกที่ไร้พรมแดนเลือนลางลง อาจมีคำถามว่าธนาคารกลางจะยังจำเป็นหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าในโลกที่ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและการเงินเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น บทบาทของผู้ดูแลเสถียรภาพด้านการเงินของประเทศยิ่งทวีความสําคัญมากขึ้นในฐานะองค์กรหลักของประเทศที่มรเป้าหมายหลักในกานรักษาเสถียรภาพ สร้างภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจการเงินโดยรวม ส่วนวิธีการดาเนินงานนั้นจำเป็นต้องพัฒนาตามยุคสมัยและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หลักการสําคัญ คือต้องมีกรอบการดำเนิงานที่ยืดหยุ่นสามารถปรับให้สอดคล้องและเหมาะสมตามสถานการณ์ จำเป็นต้องพัฒนากรอบความคิดและเครื่องมือทํานโยบายรองรับความท้าทายใหม่ๆ
อ่านฉบับเต็มที่ : https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Speeches/Gov/SpeechGov_24Sep2018.pdf
