เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับประมาณการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปี 2561 เพิ่มเป็น 4.6% จากเดิมเดือนมิถุนายนที่ 4.5% โดยประเมินว่าการบริโภคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จากเดิม 4.5% การลงทุนเอกชนขยายตัวที่ 3.5% การบริโภคภาครัฐขยายตัว 2.5% การลงทุนภาครัฐปรับลดลงมาที่ 6.0% จาก 8.0% มูลค่าการส่งออกขยายตัวที่ 8.8% มูลค่าการนำเข้าขยายตัวสูง 16.5% จากเดิม 12.5%
“ปัจจัยหนุสเศรษฐกิจปี 2561 มาจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่แม้ว่าอาจจะผ่อนแรงลงไปในช่วงครึ่งปีหลังบ้าง ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศได้แรงหนุนทั้งจากการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตในระดับสูง รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ด้านกานลงทุนภาครัฐขยายตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนแค่ยังขยายตัวได้ช้า โดยศูนย์วิจัยฯ ได้ปรับประมาณการณ์จีดีพีเป็น 4.6% ตามการขยายตัวที่สูงในช่วงครึ่งปีแรกที่ 4.8% ซึ่งไตรมาสแรกขยายตัวที่ 4.9% ขณะที่ไตรมาส 2 ขยายตัว 4.6% อย่างไรก็ดี คาดว่าครึ่งปีหลังจะขยายตัว 4.4% โดยไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 4.2% ซึ่งต่ำสุดของปีนี่และ ไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสุดท้ายของปีขยายตัวที่ 4.5% “ นายเชาว์ กล่าว
นายเชาว์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ประเด็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในกรณีข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2561 อย่างจำกัด แต่จะเป็นประเด็นต่อเนื่องที่สร้างผลกระทบในวงกว้างขึ้นในปี 2562 ในขณะที่กำลังซื้อฐานรากยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่มาตรการภาครัฐที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยน่าจะช่วยประคองกำลังซื้อฐานรากได้ ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปี2562 มีโจทย์ภายในประเทศจากวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของไทย รวมถึงมาตรการคุมเข้มภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและครัวเรือนผ่อนแรงลง อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในประเทศ โดวยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ส่วนการลงทุนภาครัฐจะยังเดินหน้าต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
