นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท.ปตท.จำกัด(มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (ปตท.โออาร์ ) เปิดเผยว่า ปตท.โออาร์ คาดการณ์ว่าปริมาณการขายน้ำมันของกลุ่มปตท.ในปีนี้จะเติบโต 2%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับปริมาณการขายน้ำมันของตลาดน้ำมันรวมที่เติบโตประมาณ 2-3% เติบโตไม่มากนักเมื่อเทียบกับอัตรการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโต 4% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้น้ำมันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยปตท.ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดในระดับ 40% และมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ 1,700 แห่ง
นายอรรถพลกล่าวว่า ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้นตามตลาดโลก แต่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังไม่ถึง 30 บาทต่อลิตร เพราะปตท.โออาร์ก็พยายามชะลอการปรับราคาเพื่อไม่ให้ผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนตามนโยบายรัฐบาล ขณะเดียวกันได้ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในปัจจุบันอยู่ในระดับไม่ถึง 1 บาทต่อลิตร ต่ำกว่าระดับปกติที่ 1.50 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดของกลุ่มน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับมากกว่า 1 บาทต่อลิตร
นายอรรถพลกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินงานของธุรกิจน้ำมันของ ปตท.โออาร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ แต่เบื้องต้นมีแผนจะขยายสัดส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน(นอนออยล์) เพิ่มขึ้นจากที่มีสัดส่วน 20% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย(อิบิทด้า)ที่ 19,600 ล้านบาทในปี 2560 รวมถึงการดำเนินการสถานีบริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผน 20 แห่ง และอยู่ระหว่างทยอยได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการจำหน่ายได้แล้ว 8 แห่ง คาดว่าจะครบทั้ง 20 แห่งภายในปีนี้
สำหรับการคัดเลือกพันธมิตรร่วมดำเนินการธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะยังไม่มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการปตท.ในวันที่ 28 กันยายนนี้
