วันที่ 3 ตุลาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า หลังจากชาวบางปะกงได้รับความเดือดร้อนและเสียหายต้องเดินทางไปศาลากลางยื่นหนังสือศูนย์ดำรงธรรมร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กรณีถูกนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินในเขตพื้นที่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง จำนวนหลายพันไร่ ต่อมาได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขับไล่ชาวบ้านให้ออกไปจากที่ดินทำกินที่เคยเช่าอยู่เดิมให้ออกไปจากพื้นที่ เพื่อปรับพื้นที่เตรียมผุดเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี นั้น จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินแปลงใหญ่ติดลำน้ำบางปะกงเลียบยาวตลอดแนวถนนสายมอเตอร์เวย์ (สาย 7) กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านทิศใต้จนถึงพื้นที่ใกล้เคียงโรงไฟฟ้าบางปะกง
“ขณะนี้ได้เริ่มทำการปรับถมพื้นที่และขับไล่ให้ชาวบ้านรื้อถอนที่อยู่อาศัยที่เคยเช่าทำกินภาคเกษตรกรรมออกไปให้พ้นพื้นที่โดยที่ยังไม่ได้มีการทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นต่อชาวบ้านข้างเคียงและไม่มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ละเมิดกฎหมายผังเมืองไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้พัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเมืองใหม่ ซึ่งได้มีการอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างและขุดถมที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยเจ้าพนักงานท้องถิ่น ทำให้โครงการดังกล่าวส่งผลกระทบทันทีกับชุมชนดั้งเดิม ทั้งผู้เช่าที่ดินทำนาและผู้มีโฉนดที่ดินข้างเคียง ละเมิดกฎหมายการเช่าที่นา และทำลายทรัพย์สินของประชาชนอีกด้วย”นายศรีสุวรรณกล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.บางปะกง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ล่าสุดไปร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทราแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า กลุ่มนายทุนยังคงเดินหน้าปรับถมพื้นที่โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องของชาวบ้าน สมาคมฯและชาวบางปะกงจะนำความไปฟ้องคณะกรรมการอีอีซี ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องระงับหรือเพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายในวันที่ 4 ตุลาคม นี้ เวลา 10.30 น. ณ ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.
