ขยายเวลาปิด ‘อ่าวมาหยา’ ไม่มีกำหนด ฟื้นฟูธรรมชาติ

อช.สั่ง! ‘อ่าวมาหยา’ ปิดไม่มีกำหนด ให้เวลาธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยว แต่บางส่วนเห็นด้วย

เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกประกาศขยายระยะเวลาปิดอ่าวมาหยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในหมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกำหนดปิดตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ถึง 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางกรมอุทยานฯ ให้เหตุผลในการขยายเวลาปิดอ่าวมาหยาออกไปโดยไม่มีกำหนดว่า จากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการของกรมอุทยานได้ลงสำรวจพื้นที่ พบว่าสภาพพื้นที่ ระบบนิเวศใต้ทะเล และบนบก บริเวณอ่าวมาหยา ยังไม่มีการฟื้นคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 5 แห่งระเบียบกรมอุทยานฯ ว่าด้วยการเข้าไปในเขตอุทยานฯ พ.ศ.2552 ขยายระยะเวลาปิดการท่องเที่ยวหรือดำเนินกิจกรรมใดๆ ในบริเวณอ่าวมาหยา และอ่าวโละซามะ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป จนกว่าทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ

ภายหลังมีประกาศดังกล่าวออกมา บรรดาผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ก็ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ โดยนายวัตรพล จันทโร ประธานชมรมธุรกิจการท่องเทียวเกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวว่า การปิดอ่าวมาหยาแบบไม่มีกำหนดนั้น กระทบต่อการท่องเที่ยวของเกาะพีพีอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีการปิดมาอย่างต่อเนื่องและยังมีการขยายเวลาออกไป โดยสอบถามความคิดเห็นชาวเกาะพีพีซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ทำให้นักท่องเที่ยวที่จองโปรแกรมทัวร์เข้ามาล่วงหน้าไม่สามารถไปเที่ยวได้ ซึ่งกระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.กระบี่

Advertisement

ด้านนายรอง ภูเก้าล้วน นายกสมาคมโรงแรม จ.กระบี่ ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า โดยส่วนตัวนั้นตนเห็นด้วยกับการปิดอ่าวมาหยา เพราะจะทำให้ธรรมชาติในพื้นที่ได้ฟื้นฟูขึ้น แต่การออกประกาศของทางราชการ กลับประกาศไม่ชัดเจน เพราะก่อนนี้เคยประกาศปิดและแจ้งว่าจะเปิดอีกครั้งวันที่ 1 ต.ค แต่ก่อนจะถึงวันเปิดเพียงวันเดียวก็เพิ่งมาประกาศปิดออกไปอีก ทั้งๆ ที่ควรจะแจ้งให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ทราบล่วงหน้านานกว่านี้ รวมทั้งต้องประกาศให้ชัดเจนว่าจะปิดยาวนานแค่ไหน เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวจำเป็นต้องวางแผนในการทำตลาดการท่องเที่ยว เนื่องจาก นทท.ต่างชาติ ส่วนใหญ่จะจองทริปท่องเที่ยวกันมาล่วงหน้า

นายวัฒน เริงสมุทร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ กล่าวว่า ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเที่ยวของเกาะพีพีและภาพรวมของจังหวัดกระบี่ เนื่องจากผู้ประกอบการได้มีการทำสัญญากันล่วงหน้า ซึ่งในช่วงไฮซีซั่นจังหวัดกระบี่ปีนี้ มีการตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำ 6 ล้านคน ร้อย 80-90 พุ่งเป้าไปที่อ่าวมาหยา เกาะพีพี เพราะเป็นจุดศูนย์กลางในการท่องเที่ยว หากไม่มีการเปิดอ่าวมาหยาก็จะส่งผลกระทบในระยะยาวแน่นอน ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจในภาพรวม ที่ผ่านมาทางกรมอุทานฯ ได้มีการประกาศปิดอ่าวมาหยา มาตั้งแต่ 1 มิถุนายน-30 กันยายน 2561 เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพของระบบนิเวศ ห้ามประกอบกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมใดๆ ซึ่งทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเกาะพีพีก็ยอมรับได้ เพราะถือเป็นการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมีการขยายเวลาต่อไปอีก 1 เดือน กำหนดเปิดวันที่ 1 พ.ย.61 ก็เริ่มมีปัญหา เพราะเป็นการปิดแบบกะทันหัน และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ทางอุทยานก็ได้มีการประกาศปิดอ่าวมาหยาแบบไม่มีกำหนด ทำให้นักท่องเที่ยวที่วางแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวอ่าวมาหยา ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ต้องผิดหวัง ซึ่งบางส่วนก็ต้องยกเลิกการเดินทาง จึงส่งผลกระทบรุนแรงกับผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อย ซึ่งได้มีการทำตลาดไว้ล่วงหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจน โดยเฉพาะเกาะพีพี มีการยกเลิกแล้วหลายราย

นอกจากจะกระทบการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่แล้ว ผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ตที่มีการขายอ่าวมาหยาก็จะได้รับผลกระทบด้วย และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะรายได้อันดับต้นๆ ของจังหวัดกระบี่มาจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยว

Advertisement

ขณะที่นายสมเกียรติ ยศคุณ ผู้ประกอบการบริเวณท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา กล่าวด้วยว่า การปิดอ่าวมาหยาโดยไม่มีกำหนดนั้น ตนเองก็เห็นด้วย เพราะจะได้ให้เวลาธรรมชาติได้ฟื้นตัว เพราะที่ผ่านมาอ่าวมาหยาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการท่องเที่ยวจนช้ำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทางกรมอุทยานฯ จะพิจารณาเปิดให้เข้าเที่ยวได้อีกครั้งแน่นอน แต่ต้องรอความชัดเจนว่าจะเปิดเมื่อไหร่ แม้จะเข้าเที่ยวอ่าวมาหยาไม่ได้ แต่ใน จ.กระบี่ เอง ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอีกหลายแห่งที่สวยงามไม่แพ้อ่าวมาหยา เช่น เกาะไม้ไผ่ เกาะห้อง เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผลกระทบรายได้จากการปิดอ่าวมาหยา ซึ่งเป็นครั้งแรก เฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว พบว่าช่วงที่อ่าวมาหยาเปิดให้เข้าเที่ยวได้ในแต่ละวัน จะมีเรือนำเที่ยวเข้าไปวันละไม่ต่ำกว่า 200 ลำ ทั้งเรือในพื้นที่ จ.กระบี่ เอง หรือจังหวัดใกล้เคียง ทั้ง ภูเก็ต พังงา และตรัง เฉพาะรายได้รวมของผู้ประกอบการเรือในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 2-6 ล้านบาท ซึ่งการปิดอ่าวจะทำให้รายได้ดังกล่าวสูญหายไปจำนวนมหาศาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image