เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป.พ.ต.ท.เนติ วงศ์กุหลาบ รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ รอง ผกก.4 บก.ป.พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง สว.กก.4 บก.ป. นำกำลังชุดปฏิบัติการ กก.4 บก.ป.จับกุม นายธนดล ทวีสุข อายุ 49 ปี อาชีพเปิดร้านขายต้นไม้ อยู่บ้านเลขที่ 1 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 221/2561 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 ในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยกระทำทารุณโหดร้าย” จับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านขายต้นไม้ริมถนนบางบอน 3 ซ.5 แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม.
พ.ต.อ.แมน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2560 นายธนดลได้ก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่ น.ส.ศศิธร บุญยะพรรคดี อายุ 40 ปี บริเวณริมถนนหมู่ 10 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายมานิตย์ แซ่เอี๊ยะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/3 ถนนศิริรักษ์ ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี อดีตสามีของ น.ส.ศศิธร เป็นผู้จ้างวานให้ นายธนดลสาดน้ำกรดใส่ โดยก่อนเลิกร้างกับ น.ส.ศศิธร นั้น นายมานิตย์ ได้ลงมือทุบตีจนอดีตภรรยาทนไม่ไหวขอหย่า เมื่อแยกทางกัน น.ส.ศศิธร ก็ไปมีแฟนใหม่ แต่ นายมานิตย์ ยังคงตามหึงหวงและข่มขู่ว่าจะสาดน้ำกรดใส่ให้หน้าเสียโฉมแล้วจะรอดูว่าจะแฟนใหม่จะรับใบหน้าอัปลักษณ์ได้หรือไม่
พ.ต.อ.แมน กล่าวต่อว่า กระทั่งวันเกิดเหตุ นายมานิตย์ ได้ทำทีหลอกให้อดีตภรรยาขี่รถจักรยานยนต์มารอรับลูกชายที่หน้าหมู่บ้าน ขณะที่จอดรถรอลูกชาย นายธนดล ก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดด้านข้าง แล้วทำทีสอบถามเส้นทาง เมื่อ น.ส.ศศิธร เผลอก็ได้ใช้น้ำกรดที่เตรียมมาสาดใส่ใบหน้าและลำตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้จับกุมนายมานิตย์ มาสอบสวนจนยอมรับสารภาพเป็นผู้จ้างวานให้ นายธนดล สาดน้ำกรดใส่อดีตภรรยา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้นำรูปภาพของ นายธนดล ไปให้ น.ส.ศศิธร ดูซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นคนสาดน้ำกรดใส่จริง ต่อมาศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกหมายจับนายธนดล กระทั่งเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายธนดล ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยกล่าวว่า ไม่ได้รู้จักทั้งกับผู้บาดเจ็บและนายมานิตย์ มาก่อน อีกทั้งไม่เคยเดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี ไม่ทราบว่าถูกตำรวจออกหมายจับได้อย่างไร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
