หมอร้อยไหมปฏิเสธข้อหาหญิง 72 ดับคาเตียง วงจรปิดพบภาพ ตร.เค้นบุคคลเกี่ยวข้อง ส่งแพทยสภาชี้ก่อนเอาผิดทำให้ตาย!!

จากกรณีมีหญิงวัย 72 ปี เสียชีวิตขณะเข้าไปทำการร้อยไหมที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในแขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สน.วังทองหลาง เรียกประชุมพนักงานสอบสวนประกอบด้วย พ.ต.ท.ชลิต โชคอมรพานิช รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เชาวฤิทธิ์ เงินฉลาด รอง ผกก.สอบสวน ฝ่ายสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมชั้น 2 สน.วังทองหลาง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีหญิงไฮโซวัย 72 เสียชีวิตปริศนาคาเตียงเสริมสวยขณะเข้าร้อยไหมในคลินิกดัง ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

พ.ต.อ.สิทธิชัยกล่าวว่า วันนี้ได้เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน หลังจากที่พนักงานสอบสวนและกองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เข้าตรวจสอบคลินิกที่เกิดเหตุ และตรวจยึดเตียงผู้ป่วยที่เสียชีวิต ตัวอย่างยาที่ใช้ฉีดรักษาผู้ป่วย และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องไว้เป็นของกลาง โดยจากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าคลินิกดังกล่าวไม่ได้ขอใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาล กองกฎหมายได้แจ้งความร้องทุกข์ และได้เรียก นพ.ธนพล ทองประเสริฐ แพทย์เจ้าของคลินิกมารับทราบข้อกล่าวหาประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเปิดสถานประกอบการโดยไม่มีใบอนุญาต

Advertisement
พ.ต.อ.สิทธิชัยกล่าวต่อว่า เบื้องต้น นพ.ธนพลให้การปฏิเสธในข้อหาดังกล่าว หลังจากนี้จะนำคำให้การของแพทย์คนดังกล่าวไปประกอบกับพยานอื่นๆ และจะสอบพยานที่เกี่ยวข้อง เช่น พยาบาล ผู้ช่วย และผู้ที่เกี่ยวข้องในคลินิกตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ จากนั้นจะนำผลการค้น สำนวนคดี ส่งให้แพทยสภาพิจารณาว่าการรักษาเป็นไปตามขั้นตอนของแพทย์หรือไม่ เพื่อจะแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หากแพทย์สภาสรุปแล้วว่าแพทย์คนดังกล่าวทำไม่ถูกขั้นตอนการรักษา

พ.ต.อ.สิทธิชัยกล่าวว่า ส่วนกรณีที่แพทย์สภาตรวจสอบใบประกอบโรคศิลปะไม่พบชื่อแพทย์คนดังกล่าว พบเพียงนามสกุลตรงกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องสอบสวน ในกรณีนี้หากตรวจพบว่าไม่มีชื่อในใบประกอบโรคศิลปะ ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากทางแพทยสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีอาญาได้เลย

“ในส่วนที่การชันสูตรศพพบว่าผู้ตายซี่โครงหักและตับแตก พนักงานสอบสวนต้องสอบแพทย์นิติเวชและรอผลตรวจทางเคมี จากนั้นก็รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดว่าแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ตายในขณะเกิดเหตุได้ช่วยทำการปั๊มหัวใจ เพื่อช่วยเหลือคนไข้ แต่คนไข้เสียชีวิต การดำเนินคดีอาญานั้นพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล สืบสวนพฤติการณ์ขณะเกิดเหตุ จัดส่งให้แพทยสภาเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด เนื่องจากตามกฎหมายมีข้อตกลงระหว่างกระทรวงยุติธรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติและแพทยสภา กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นแพทย์ ต้องกระทำตามกฎหมายที่ระบุไว้ โดยให้ทางแพทยสภาชี้ขาดว่าแพทย์คนดังกล่าวปฏิบัติตามขั้นตอนการแพทย์ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดทำคดีอย่างตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ถ้าจะคาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 30 วัน จึงสามารถแจ้งข้อกล่าวหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้” ผกก.สน.วังทองหลางกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image