ภาษิตฝรั่ง There ain’t no such thing as a free lunch. ที่เป็นชื่อหนังสือเล่มดังของ Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง
แปลเป็นไทยสั้นๆ กระชับว่า
ของฟรีไม่มีในโลก
เป็นคำอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในปัจจุบัน ได้ดีที่สุด
เพราะเมื่อตัดสินใจว่าจะย่างก้าวเข้าสู่การเมือง
และพยายามที่จะรักษา-เพิ่มจำนวนคะแนนนิยม-เสียงสนับสนุน อันเสมือนเป็น “รายได้”
ไม่ว่าจะจากคนรุ่นเดิม คนรุ่นเดียวกัน ไปกระทั่งคนรุ่นใหม่-ในทุกวิถีทาง
ก็ต้องมี “รายจ่าย” ตามมาเป็นเงาตามตัว
พึงพิจารณา
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นดิถีที่เหล่าที่ปรึกษาและ “แอดมิน” ทั้งหลายของผู้ที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะถูกเสนอชื่อ
ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง โดยพรรคพลังประชารัฐ
เห็นว่าเป็นฤกษ์เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเริ่มเก็บกวาดคะแนนเสียงใน “โลกโซเชียล”
ซึ่งเป็นสนามรบที่พรรคการเมืองอื่น-โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่างเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งพรรคดาวรุ่งอย่างอนาคตใหม่-เก็บกวาดคะแนนนำหน้าไปมากแล้ว
ด้วยการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ในทุก “แพลตฟอร์ม”
ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บไซต์ หรือทวิตเตอร์
หลังจากที่ช่องทางสื่อสารกับประชาชนบนโลกโซเชียลที่เคยเปิดมาก่อนหน้านี้
ไม่ว่าจะเป็นเพจสายตรงไทยนิยม เพจไทยคู่ฟ้า เพจ Gen.Prayut Chan-o-cha ทีมงาน และเพจเปรี้ยง
ไม่เปรี้ยงอย่างที่หวัง
แต่หนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป
เพียง 3 วันของการเปิดเพจใหม่ในเฟซบุ๊ก
มีคนเข้ามากดติดตามและกด “ไลค์” แล้วกว่า 200,000 ราย
แต่ที่มาพร้อมกันกับจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้น
ก็คือปฏิกิริยาในด้านตรงข้ามที่หลุดเข้ามาอย่างทะลักทลาย
ชนิดที่มีข่าวว่าบรรดา “แอดมินเพจ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคอยเฝ้าหน้าจอเพื่อ “ลบ” ความเห็นหรือปฏิกิริยาที่อาจจะรุนแรง หรือเสียดแทงใจเกินไป
จำนวนนับพันๆ ความเห็นในแต่ละวัน
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี 16 ตุลาคม
พล.อ.ประยุทธ์ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวเรื่องการเปิดบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว บัญชี
ทวิตเตอร์ บัญชีอินสตาแกรม และเว็บไซต์ เพียงสั้นๆ ว่า
“ก็มีทั้งด่าทั้งชม ก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าเรตติ้งดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า
“ก็ดีดิ ดูเอาเอง”
โดยถึงวันที่ 16 ตุลาคม บัญชีทวิตเตอร์มีผู้ติดตามมากกว่า 1.3 หมื่นคน
ส่วนบัญชีอินสตาแกรมแม้จะยังไม่มีการโพสต์ข้อความหรือรูปภาพ
แต่ก็มีผู้ติดตามกว่า 7,000 คน
นอกเหนือไปจากปฏิกิริยาต่อต้าน
ยังมี “กองแซว”
“บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ เสนอตัวผ่านเฟซบุ๊กขอเข้ามาเป็นแอดมินเพจให้ โดยขอค่าตอบแทนเป็นเพียงบัญชีเงินฝากที่ถูก คสช. อายัดลืมเอาไว้เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว
“โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ก็เสนอตัวขอเข้ามาเป็น “นักลบ” ให้กับเพจของนายกรัฐมนตรี
ฯลฯ
แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์เอง ยังเขียนข้อความในเพจของตัวเองว่า
“ขอบคุณทุกคนมากที่ให้ความสนใจในการที่ผมเปิดเฟซบุ๊ก เห็นคนเขียนมาหามากมาย
“ผมดูแล้วส่วนใหญ่จะมาเขียนเอาสนุก
“ทั้งชอบทั้งไม่ชอบ เป็นเรื่องปกติ”
จะไลค์ จะติ จะชม จะด่า หรือว่าจะแซวเอามัน
จะเป็นเรื่องรบกวนอารมณ์ให้หงุดหงิดยิ่งขึ้น
เพราะ “นายกฯอ่านทุกความเห็นที่เขียนเข้ามาด้วยตัวเอง” อย่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวไว้
หรือจะสามารถนำไปคิด-วิเคราะห์-แยกแยะ แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์
ลบจุดอ่อนและเพิ่มจุดแข็งให้กับตนเอง-พรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปจะมาถึง
ก็เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์และทีมงานจะเลือกคว้าหยิบฉวย
เพราะก่อนจะตัดสินใจลงมาควานหาคะแนนเสียงในสนามรบที่ไม่เคยคุ้น
ย่อมต้องมีการประเมินความเสี่ยงอยู่ก่อนแล้ว
มิใช่หรือ