แบงก์ออมสินคาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4.5%

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสินคาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 จะขยายตัวที่ 4.3% และตลอดทั้งปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นอยู่ที่ 4.5% ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวอยู่ที่ 3.9% เป็นผลจากแรงส่งของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับผลดีจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยสนับสนุนจาก เม็ดเงินจาก ร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 2562 วงเงินจำนวน 3 ล้านล้านบาท และการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะปรับตัวเร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ความชัดเจนของการเลือกตั้งในไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และรายได้จากการท่องเที่ยวยังขยายตัวต่อเนื่อง

นายชาติชายกล่าวต่อว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ได้แก่ การเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐอาจต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่มีความซับซ้อนด้านกระบวนการ นอกจากนี้รายได้ของภาคครัวเรือนระดับกลางถึงล่างยังปรับตัวเพิ่มไม่มากนักเป็นแรงกดดันต่อการบริโภคภาคครัวเรือน และถึงแม้ว่าอัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี มีแนวโน้มลดลง แต่หนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน

นายชาติชายกล่าวต่อว่า นอกจากนี้การใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา และมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าที่ทวีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการค้าและเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต (ซึ่งอาจกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย รวมถึงต้องจับตาทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีแนวโน้มตึงตัวมากยิ่งขึ้น เป็นแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารแห่งประเทศไทย

นายชาติชายกล่าวต่อว่า สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี จากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากการเกินดุลการค้าและบริการที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง จากสถานะทุนสำรองฯ สุทธิ ณ สิงหาคม 2561 อยู่ในระดับสูงที่ 7.81 ล้านล้านบาท คิดเป็น 47.6% ของจีดีพี สูงกว่าหนี้ระยะสั้นถึง 3.2 เท่า สามารถรองรับการนำเข้าโดยเฉลี่ยได้สูงถึง 8.9 เดือน แสดงถึงความแข็งแกร่งของเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก คาดว่าจะสามารถรองรับความผันผวนทางการเงินจากปัจจัยต่างประเทศได้และลดแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้อีกระยะหนึ่ง

Advertisement

นายชาติชายกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักและผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าหากมีความยืดเยื้อเกินกว่าที่คาดไว้ก็จะส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนมากยิ่งขึ้นและอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินของไทยได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image