เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม น.ส.มาธวี เนตรอนงค์ อายุ 34 ปี เจ้าของร้านส้มตำมาธวี ริมถนนสายโรจนะขาออก ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบความเสียหายภายในร้าน หลังถูกคนร้ายก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้าน ช่วงที่ปิดร้านไปต่างจังหวัด
จากการตรวจสอบพบว่าตู้แช่เครื่องดื่มมีร่องรอยถูกงัด โซดาแบบแผงถูกแกะออกหายไปหลายขวด ที่เคาน์เตอร์มีร่องรอยการรื้อค้น ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25-30 ปี สวมหมวกแก๊ป ใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาว ในมือถือเป้ เข้ามาภายในร้าน รื้อค้นหาของมีค่าที่เคาน์เตอร์ จังหวะนั้นมีรถ จยย.พลเมืองดีขับผ่านมาพอดี โดยมีรถ จยย.ของคนร้ายจอดอยู่หน้าร้าน และเห็นคนร้ายอยู่ในร้าน จึงจอดรถดู คนร้ายรีบเดินออกมา จากนั้นได้รีบหลบหนีออกไป
น.ส.มาธวีกล่าวว่า ตนเองปิดร้านไปทำธุระต่างจังหวัด จนเมื่อวันที่ 18 ต.ค. มีพลเมืองดีขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์คนร้ายเข้าไปอยู่ในร้านและมีรถ จยย.จอดอยู่หน้าร้านทั้งที่ร้านปิด จึงได้โทรศัพท์ไปบอกกับตนเอง จึงรีบเปิดกล้องวงจรปิด จึงพบว่าคนร้ายเข้ามาขโมยของในร้าน พอเสร็จธุระจึงรีบเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย พลเมืองดีเล่าให้ฟังว่า ได้จอดรถดูแล้วคนร้ายพอเห็นว่ามีคนมาจึงรีบออกมาจากร้าน ได้สอบถามไปว่าเข้าไปในร้านทำไม คนร้ายบอกว่ามาขอเข้าห้องน้ำก่อนที่จะหลบหนีไป
เจ้าของร้านส้มตำ กล่าวด้วยความท้อแท้ว่า ร้านของตนเองโดนขโมยเข้ามาขโมยข้าวของในร้าน ในรอบ 1 ปี รวมแล้ว 22 ครั้ง แรกๆ ไม่ได้แจ้งความ พอระยะหลังทนไม่ไหวแจ้งความกับตำรวจมีปัญหาเรื่องพื้นที่รับผิดที่คาบเกี่ยวกันจนมีการตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นพื้นที่ของ สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับคำแนะนำให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ตนลงทุนติดตั้งกล้องวงจรปิดอีก ซึ่งล่าสุดก็บันทึกภาพหน้าตาคนร้ายได้อย่างชัดเจน แต่เรื่องก็เงียบหายอีก มาครั้งนี้โดนอีกครั้งทำให้รู้สึกท้อแท้มาก คงต้องหาทำเลช่องทางร้านเปิดใหม่เพราะต้องมาเสียเวลาไปแจ้งความ คิดว่าปิดร้านไปหาที่ใหม่ดีกว่า แจ้งความแต่คดีไม่คืบ จนทำให้ทุนค้าขายหดหาย