เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)เพื่อเร่งขับเคลื่อนผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0 หรือยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยมีการวางยุทธศาสตร์และจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในระยะเวลา 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 รวมทั้ง แผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี(พ.ศ.2560-2564) เพื่อผลักดันทุกภาคส่วนของประเทศให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม
“แต่จนถึงขณะนี้ ทางกระทรวงดีอียังไม่สามารถใช้เงินจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กองทุนดีอี) เพื่อนำมาพัฒนาตามนโยบายของกระทรวงดีอีได้เลย ทาง สศช.กังวลว่า หากยังไม่มีการนำเงินจากกองทุนดังกล่าวมาใช้ อาจส่งผลกระทบต่อแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 20 ปี และแผนการขับเคลื่อนดิจิทัล 5 ปี อย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หากดำเนินการล่าช้าอาจต้องใช้เงินในการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศเสียประโยชน์”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) มีหนังสือแจ้งถึงเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม โดยให้ความเห็นชอบร่างแผนพัฒนาดิจิทัลฯ 20 ปี และร่างแผนปฏิบัติการดิจิทัลฯ 5 ปี พร้อมให้กระทรวงดีอี นำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยเร็ว เพื่อที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะนำไปปฏิบัติให้บรรลุตามเป้าหมายและตามตัวชี้วัดในแต่ละยุทธศาสตร์ต่อไป แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ หากภายในเดือนหน้ายังไม่มีความคืบหน้า จะสอบถามเรื่องดังกล่าวผ่านทางรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงดีอี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนดีอี มีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือบุคคลทั่วไป ในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ต่อการบริการสาธารณะและไม่แสวงหากำไร รวมทั้งให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนาแก่หน่วยงานรัฐและเอกชน หรือบุคคลทั่วไป ในเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ รายได้ของเงินกองทุนดีอีนั้น มาจากการจัดสรรคลื่นความถี่ ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบการกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดสรรเงินให้ในอัตราร้อยละ 15 ของรายได้ส่วนนี้ และอีกส่วนเป็นเงินที่ได้รับการจัดสรรจากรายได้ของสำนักงานกสทช. ตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ในอัตราร้อยละ 15
