นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยใน ปี 2562 ธนาคารเน้นยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเดินหน้าตามยุทธศาสตร์การเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือกเพื่อตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต ด้วยการใช้ศักยภาพของโมบาย แบงกิ้ง เคพลัส ที่มีผู้ใช้งานสูงที่สุด นำเสนอบริการทางการเงินและไลฟ์สไตล์ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบรายบุคคล ยกระดับขีดความสามารถทั้งด้านการเงินและเทคโนโลยีขององค์กรให้สามารถตอบสนองทุกสถานการณ์ และเป็นองค์การที่ใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจและขับเคลื่อนธุรกิจ บนรากฐานการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืนในทุกมิติ โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตที่ 5-7% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ แบ่งเป็นสินเชื่อธุรกิจลูกค้าบรรษัทเติบโต 3-5% สินเชื่อธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการเติบโต 2-4% และสินเชื่อลูกค้าบุคคลเติบโต 9-12% อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (นิม) อยู่ที่3.3-3.5% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ติดลบ 5-77% ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์คาดว่ามีสัดส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (เอ็นพีแอล) ที่ 3.3-3.7%
นายบัณฑูร กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยยังคงดำเนินธุรกิจบนรากฐานของการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม มีธรรมาภิบาลที่ดี สร้างความสมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยยุทธศาสตร์ที่ทำให้บรรลุเป้าหมายและสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมลงนามซื้อขายคาร์บอนเครดิต ประจำปี 2560 ภายใต้โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย(T-VER) กับภาคเอกชน 7 องค์กร ได้แก่ กลุ่มมิตรผล การบินไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โรงแรมศิวาเทล บริษัท สแครทซ์ เฟิร์สท์ จำกัด ผู้จัดงานวันเดอร์ฟรุ๊ต และโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมชาติ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลเป้าหมายที่มีนโยบายลดก๊าซเรือนกระจกระยะสั้น 7-20% ภายในปี 2563 และระยะยาว 20-25% ภายในปี 2573
