ยึดไม้สักนับร้อยถูกตัดทิ้งไม่ขออนุญาต ใกล้สวนน้ำกลางป่า

วันที่ 30 ตุลาคม คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย กอ.รมน.เพชรบูรณ์, ก.ตชด.31 เพชรบูรณ์, กก.4 บก.ปทส., ป่าไม้ ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร นายบุญลาภ สุกใส ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 พิษณุโลก กรมป่าไม้และนายชิต อินทรนก ผอ.ศูนย์ประสานงานป่าไม้ ลงพื้นที่บริเวณถนนทางเข้าโครงการชุมชนธะธรรมชาติ ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เพื่อตรวจยึดไม้สักที่ถูกเครื่องจักรหนักของโครงการฯตัดโค่น ทิ้งกองไว้ตามสองฝั่งริมถนน ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับขยายถนนเข้าไปยังโครงการฯ ระยะทางราว 4 กิโลเมตร กว้าง 20 เมตร โดยการตัดโค่นต้นสักดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว ยังไม่ได้ขออนุญาตทำไม้หวงห้ามจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่าไม้อย่างถูกต้อง

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ไปถึงจุดเกิดเหตุพบต้นไม้สักอายุราว 5-7 ปี จำนวนหลายร้อยต้นถูกโค่นทิ้งอยู่ริมถนน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้สักจากสวนป่าสักของเอกชนถูกตัดโค่นเป็นระยะๆ โดยพ.อ.พงษ์เพชรได้กำชับให้คณะเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการขนย้ายด้วยความรอบคอบ และให้ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด โดยขอให้ขนย้ายต้นสักที่ถูกโค่นจริงๆเท่านั้น ไม่ให้แตะต้องต้นสักที่ยืนต้นตายโดยเด็ดขาด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงแบ่งกำลังออกเป็นชุดๆ เพื่อชักลากและขนย้ายต้นสักที่ถูกตัดโค่นนำมารวมหมอนไว้บนถนน พร้อมทำการตรวจนับก่อนจะใช้ฆ้อนดวงตราตอกตีประทับบนต้นสักเพื่อทำการตรวจยึดไว้ และจึดทำการตรวจยึดไม้ทั้งหมดเป็นของกลาง เพื่อจะเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า ให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดต่อไป

ข่าวยังแจ้งเพิ่มอีกว่า นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ “อาจารย์ชา” และนายปฎิธาน ชวาลสันตติ เจ้าของที่ดิน ได้เดินทางมาชึ้แจงกับพ.อ.พงษ์เพชรและคณะเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่า ทางชาวบ้านต้องการขยายถนน จึงแนะให้ไปพูดคุยกับอบต.และได้รับแจ้งว่า ไม่มีงบฯ จากนั้นรองนายกอบต.หล่มเก่าได้มาพบอาจารย์และแจ้งความต้องการว่า ชาวบ้านยินยอมให้ขยายทาง อาจารย์จึงให้ความช่วยเหลือทั้งงบฯและเครื่องจักรรวมทั้งคนเพื่อขยายทาง เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนรวม ส่วนไม้สักทีถูกโค่นยอ รับว่าไม่รู้เรื่อง ต้องให้ขาวบ้านเจ้าของที่ดินๅปดคลียร์กับเจ้าหน้าที่เอง มอบเอกสารที่ชาวบ้านลงชื่อยินยอมให้แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 31 ราย โดยเจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำอาจารย์ไว้

Advertisement

พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดไม้ในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเพิกถอนโฉนดอย่างใดตอนนี้ตนรู้สึกไม่โดดเดี่ยวแล้ว เพราะทุกหน่วยงานต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และทางดีเอสไอเองก็มีการประชุมเร่งด่วนเพราะเรื่องดังกล่าวได้ส่งไปตั้งแต่ปี 2552 แต่ปรากฏว่าเรื่องเงียบหายไป แต่เมื่อปี 2557 ตั้งแต่ทาง คสช.เข้ามาก็ได้ทำเรื่องส่งไปแล้วและนี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วและครั้งนี้ต้องจบ และทางผู้หลักผู้ใหญ่ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเสียหายจะเกิดอะไรบ้าง ในการฟอกป่าครั้งนี้หากไม่สามารถยับยั้งได้ อาจจะใช้คำว่าเสียดินแดนอีกรูปแบบหนึ่งก็ไม่ผิด

ในขณะที่นายบุญลาภกล่าวภายหลังจากได้เดินทางเข้าไปภายโครงการชุมชนธรรมชาติ บริเวณภูขี้ไก่โดยถึงกับอุทานโอ้โห เพราะเห็นสภาพภูเขาที่ถูกทำให้กลายเป็นเขาหัวโล้น โดยถึงกับตั้งข้อสงสัยที่ดิน 8 แปลงที่สำนักที่ดินจังหวัดฯพิจารณาตามมาตรา 61 และมีความเห็นไม่เพิกถอนว่า ที่บอกว่าไม่อยู่ในเขตภูเขา ก็ยังสงสัยว่าข้างล่างสั่งให้เพิกถอนแต่ข้างบนซึ่งเป็นภูเขา 88 ไม่มีการเพิกถอน แต่ทั้งนี้ทราบว่าทางกบอ ได้มีความเห็นให้เพิกถอนแล้วเช่นกัน ก็ต้องรอดูเบื้องบนว่าจะทำอย่างไรกันอีกครั้ง

Advertisement

“สิ่งที่ห่วงเวลานี้ก็คือระบบนิเวศ ป่าต้นน้ำแม่น้ำป่า สักกลายเป็นเขาหัวโล้นไปหมดแล้ว ก็วิงวอนไปยังหน่วยงานอื่นให้ร่วมด้วยช่วยกัน” นายบุญลาภกล่าว
เมื่อถามว่า จากสภาพเจาหัวโล้นแบบนี้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นฟูป่า นายบุญลาภกล่าวว่า ต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีคงจะสามารถฟื้นฟูป่าบริเวณนี้ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image