เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.น. ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายตำรวจยศ ร.ต.ท. สังกัดรองสวป.สน.ธรรมศาลา พร้อมพวก 5 คน ขายเอกสารบันทึกจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญในท้องที่ บช.น. นำมาใช้ช่วยเหลือพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อขอลดหย่อนโทษ ตามมาตรา 100/2 ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดฯ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวกระทำความผิดและเป็นขบวนการเดียวกันกับคดี น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ อดีตนักแสดง โดยมี พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ยุทธภัณฑ์ศิริกุล รอง ผกก.ฝอ.1 บก.อก.บช.น. เป็นผู้รับเรื่องไว้เพื่อเสนอให้ รรท.ผบช.น. ทราบต่อไป
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า นำหลักฐานมามอบให้ รรท.ผบช.น. ตั้งคณะกรรมการสืบสวน ตำรวจรองสวป.สน.ธรรมศาลา พร้อมพวกรวม 5 คน มีพฤติการณ์การขายสำนวนคดียาเสพติดในราคา 1.5 ล้านบาท สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรองสวป.สน.ธรรมศาลา พร้อมพวก 5 คน ขยายผลจับกุมนายวิรัช หรือเบิร์ด ปลีกกล่ำ และนายวิษณุ หรือใหม่ บรรทจิตร เป็นผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 โดยระบุว่าขยายผลจากเบาะแสของภรรยาผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งที่เดินทางไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 พ.ค.59 โดยนำข้อมูลจดหมายสามีที่ตกเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมเพื่อขอลดหย่อนโทษ ตามกฎหมายมาตรา 100/2 พ.ร.บ.ยาเสพติด โดยศาลมีคำพิพากษาลดโทษจากประหารชีวิต เหลือจำคุก 12 ปี 6 เดือน
นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีพิรุธว่า ภรรยาของนักโทษรายดังกล่าวไม่ได้ไปเยี่ยมสามีตามวันเวลาที่กล่าวอ้าง จากการสอบถามนายวิรัชและนายวิษณุ ก็ไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหาที่ได้ลดหย่อนโทษดังกล่าว รวมถึงพบพิรุธของบันทึกจับกุมนายวิรัชและนายวิษณุ ถูกทำขึ้นมา 2 ครั้ง โดยมีบันทึกจับกุมวันที่ 23 พ.ค.59 ถูกเผยแพร่ให้กับสื่อมวลชน เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมมีบันทึกจับกุมในวันที่ 22 พ.ค.59 ที่ถูกทำขึ้นมาก่อนจับกุมจริง ขบวนการกระทำผิดมีทนายชื่อดัง ร่วมกับตำรวจ และอัยการ ช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดโดยกระทำลักษณะนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 คดี ตั้งแต่ปี 2559 ตนทราบว่า รรท.ผบช.น. ทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
