ตร.-ศรภ.บุกจับชายปากีฯ เครือข่ายก่อการร้ายอัฟกัน-มาเลย์ ตั้งฐานพัทยา หนีประกันคดีให้ที่พักมือสังหารรมต.อินเดีย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร.พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รรท.ผบช.สตม.) แถลง พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ประวิทย์ ศิริธร ผกก.2 บก.สส.สตม. พร้อมกำลัง บูรณาการกำลังร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย(ศรภ.) สืบสวนติดตามตัว นายคาลาท บารี  อายุ 52 ปี สัญชาติปากีสถาน เนื่องจากได้ประกันในคดีให้ที่พักพิงผู้ก่อการร้ายและหลบหนี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม  เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่จึงได้พบตัวนายคาลาท บารี ที่หน้าร้านเคอรี่ เฮ้าส์ เลขที่ 199/29 ถ.พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักร พบว่า นายคาลาท บารี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2558 ทางด่าน ตม.จว.สระแก้ว และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปประเภทอุปการะครอบครัวไทย ถึงวันที่ 18 กันยายน 2561 ซึ่งการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการจับกุมนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด

รรท.ผบช.สตม. กล่าวว่า พฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้คือ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับ สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้จับกุมตัว นายจักตาร์ ซิงห์ ทารา ชาวอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายในประเทศอินเดีย โดยลอบสังหารรัฐมนตรีอินเดีย และนักการเมืองรวม 19 คน และก่อเหตุโจมตีนครมุมไบ หลังจากถูกจับกุมคุมขังก็ได้หลบหนีออกจากเรือนจำในอินเดียมาหลบซ่อนและตั้งฐานที่มั่นในประเทศไทย และถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศอินเดียตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน โดยศาลไทย ซึ่งในครั้งนั้นได้ดำเนินการจับกุมนายคาลาท บารี ในข้อหาให้ที่พักพิงผู้ก่อการร้ายชาวอินเดีย หลบซ่อนอยู่ในบ้านของนายคาลาท บารี ในเมืองพัทยา  ต่อมานายคาลาท บารี  ได้ประกันตัวแล้วหลบหนีออกนอกประเทศไทย

“ล่าสุดจากการสืบสวนของ กก.2 บก.สส.สตม. และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย สืบทราบว่านายคาลาท บารี  ได้เดินทางกลับมาฝังตัวอยู่ในเมืองพัทยาอีกครั้ง และยังคงดำรงการติดต่อกับเครือข่ายก่อการร้ายทั้งในปากีสถาน อัฟกานิสถาน และมาเลเซีย ในลักษณะเป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกจัดหาเอกสารปลอม ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และโอนเงินนอกระบบ ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่ออารยะประเทศ จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว”รรท.ผบช.สตม.กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image