นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนของปี 2561 จะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากการที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อาจจะไม่มีปัจจัยอะไรที่น่าตื่นเต้น อย่างไรก็ดี มองว่าทิศทางเศรษฐกิจปี 2562 อาจจะชะลอตัวลงและคงสู้ปีนี้ไม่ได้ คาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ที่ราว 4.2% แม้ว่ารัฐบาลมีการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะทำให้มีการใช้วัสดุก่อสร้างและการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่เศรษฐกิจต่างประเทศโดยเฉพาะการส่งออก อาจจะได้รับผลกระทบจากสงคราการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และสหรัฐจะมีการตั้งกำแพงภาษีสินค้าต่างๆ ทำให้สินค้าส่งออกไทย ราคาแพงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปยังชะลอตัวและรอความขัดเจนกรณีเบร็กสิท อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไทยมีการจัดเลือกตั้งได้เร็ว มีความโปร่งใส เชื่อว่าจะทำให้ทั่วโลกมีการเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นจีน เงินลงทุนจากฝั่ง ยุโรป สหรัฐ ยังไม่มากนัก
“ขณะนี้กำลังซื้อฐากรากเชื่อว่ายังไม่ฟื้น จากที่ได้เดินทางไปต่างจังหวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ยังไม่คึกคัก เป็นห่วงว่าปัญหานี้จะยังกดดันเศรษฐกิจต่อ ขณะที่การส่งออกอาจจะชะลอตัวลงและอาจได้รับผลกระทบมากขึ้นหากสหรัฐขึ้นภาษีเกี่ยวกับสินค้ารถยนต์ ซึ่งต้องติดตามธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่ เช่นเดียวกับค่าเงินบาทปีหน้าที่จะต้องติดตาม เพราะที่ผ่านไทยถูกมองเป็นตลาดปลอดภัย(เซฟเฮฟเว่น) มีคนเข้ามาลงทุนในหุ้น พันธบัตร หากตลาดผันผวนอาจจะมีเงินไหลออกไปได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีเงินทุนและมีความสามารถอาจจะกระทบกับการแข่งขันของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยได้ นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากและยังมีซัพพลายที่ยังขายไม่หมดเป็นเรื่องอันตราย เริ่มมีการมีลดแลกแจกแถม ทั้งยังมีโครงการใหญ่ๆ ที่กำลังก่อสร้าง เช่น วันแบงก์ค็อก โครงการของจีแลนด์ย่านพระราม9 โครงการของดุสิตธานีที่จะพัฒนาใหม่ ซึ่งซัพพลายที่ออกมากจะเป็นการแย่งลูกค้ากันจะหาคนซื้อและคนมาอยู่ยาก ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้ธนาคารระมัดระวังเรื่องการปล่อยกู้และจะมีมาตรการออกมาเร็วๆ นี้ แต่ในส่วนของธนาคารคาเว่าจะมีผลกระทบไม่มากนัก” นายเดชา กล่าว
