นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ราคายางพาราที่ตกต่ำในช่วงนี้เป็นผลมาจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผลให้จีนส่งออกสินค้าได้ลำบาก ขณะที่จีนชะลอการรับซื้อในช่วงนี้เนื่องจากยางที่ออกสู่ตลาดมีจำนวนมากและเศรษฐกิจของโลกฟื้นตัวไม่ดีนัก ทั้งหมดนี้จะเป็นช่วงสั้นๆ หลังจากนี้คาดว่าราคายางจะปรับเพิ่มขึ้น
นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคายางในประเทศที่มีราคาตกต่ำ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณแต่ละออเดอร์ลดลง เช่นจากเคยสั่ง 10 ตัน ลดเหลือ 5 ตัน เป็นต้น ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากสงครามการค้า โดยสหรัฐฯถือเป็นผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่ที่นำเข้ายางจากจีน ขณะที่จีนนำเข้ายางจากไทยอีกที เมื่อจีนขายยางได้น้อยลงราคายางในไทยจึงลดลงตามไปด้วย
“สังเกตได้ว่า แผ่นยางดิบรมควัน ขณะนี้มีภาวะผิดปกติ เพราะราคาเอฟโอบี (ราคาส่งมอบสินค้าท่าเรือ) ใกล้เคียงกับตลาดซื้อขายยาง “โตคอม สิงคโปร์” จากปกติ ราคาโตคอมจะสูงกว่าราคาเอฟโอบีของไทย 3-4 บาท แต่ปัจจุบันราคาใกล้เคียงกัน ขณะที่ เซี่ยงไฮ้ มีราคาดีขึ้น เชื่อว่าในเร็วๆ นี้ ราคายางจะปรับตัวดีขึ้น ในช่วงไตรมาส1-2/2562 เพราะอาจจะได้ข้อสรุปชัดเจนของสงครามการค้าฯ มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับ สี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีจีนแล้ว” นายเยี่ยมกล่าว
นอกจากนี้ ทาง กยท. ได้เดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้ เพื่อหารือกับ บริษัท ชิโนเคม ที่รัฐบาลจีนได้ทำข้อตกลง กับ กยท. โดยรับซื้อยางจาก กยท. 200,000 ตัน ในลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี แลกกับการสร้างรถไฟ ซึ่งภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเดินทางมาหารือกับ กยท. ในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยขณะนี้ มีการส่งมอบยางไปแล้ว 30,000 ตัน ส่วนที่เหลืออีก 170,000 ตัน จะส่งมอบภายหลังจากการหารือแล้วเสร็จ
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคายางที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้เนื่องจากผู้นำเข้า โดยเฉพาะจีนชะลอการรับซื้อ ส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่าเป็นช่วงที่ยางออกสู่ตลาดมาก ผู้นำเข้าไม่จำเป็นต้องซื้อยางสต็อกไว้ และสามารถหาซื้อยางได้สะดวก ส่วนภาวะสงครามทางการค้าอาจมีผลกระทบบ้าง แต่จะเป็นช่วงสั้นๆ
สำหรับสถานการณ์ราคายาง วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 ยางแผ่นรมควัน ราคากลางเปิดตลาดที่ 40.20 บาทต่อกิโลกรัม และมีราคาสูงสุด ณ ตลาดกลางสงขลา และตลาดกลางสุราษฎร์ธานี ที่ 40.65 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนตลาดกลางนครศรีธรรมราชอยู่ที่ 40.04 บาทต่อกิโลกรัม
