เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 13 พฤศจิกายน พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.อรุณรัตน์ ศรีเชียงสา ผกก.สภ.ห้วยผึ้ง พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.ห้วยผึ้ง แพทย์ รพ.ห้วยผึ้ง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบกระท่อมในสวนยางพารา บริเวณบ้านผึ้ง หมู่ 4 ต.ไค้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างปริศนาถูกไฟไหม้ทั้งตัวภายในกระท่อม
ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมไม้มุงด้วยสังกะสีชั้นเดียวยกสูง สภาพบริเวณด้านหน้าพื้นกระดาน และโครงหลังคาถูกไฟไหม้เสียหายเป็นบางส่วน บนกระท่อมพบศพนายบุญเลิศ เลิศล้ำ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 4 ต.ไค้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพถูกไฟไหม้เกรียมทั้งตัว นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังพบเสื่อที่นอน มุ้ง เสื้อผ้า ถูกไฟไหม้เสียหายอีกด้วย
จากการสอบถามชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มองเห็นควันไฟพวยพุ่งออกมาจากกระท่อมหลังดังกล่าว จึงมาช่วยกันดับไฟ แต่ก็ต้องตกตะลึงเพราะมีศพคนตาย ซึ่งถูกไฟคลอกเนื้อตัวดำเป็นตอตะโกอยู่บนกระท่อม จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุค่อนข้างมืดและไม่มีไฟฟ้า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงต้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในช่วงเช้า
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายไม่ได้เป็นเจ้าของกระท่อม แต่มีกระท่อมอยู่ในที่นา และไร่อ้อยของตนเอง ซึ่งอยู่ใกล้กันกับที่เกิดเหตุ โดยอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ส่วนภรรยานั้นได้หย่าร้างกันไปนานหลายปีแล้ว และมีลูกสาว 1 คน แต่อยู่กับภรรยา ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ว่าจ้างชาวบ้านมาเกี่ยวข้าวและในช่วงเย็นได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปซื้อน้ำแข็งในหมู่บ้าน กระทั่งหายตัวไปนาน และถูกไฟไหม้เสียชีวิตในกระท่อมเพื่อนบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งศพเพื่อตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่นต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุยังไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการต่อสู้ และจากการตรวจสอบสภาพศพนั้นเบื้องต้นยังไม่พบบาดแผลและยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ เนื่องจากสภาพศพถูกไฟไหม้ทั้งหมด อีกทั้งที่เกิดเหตุยังถูกไฟไหม้บางส่วนด้วย อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งปมสาเหตุการเสียชีวิตไปที่การฆ่าตัวตาย เนื่องจากจากการสอบสวนญาติและเพื่อนบ้านพบว่า ผู้ตายเคยบ่นว่าเครียดเรื่องต่างๆ และก่อนเสียชีวิตได้พูดจาแปลกๆ และมีอาการเหม่อลอย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นการฆาตกรรมแล้วอาจจะจุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี จึงได้ส่งชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ห้วยผึ้ง และชุดสืบสวนภาค 4 เพื่อเร่งติดตามหาข่าว เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ พร้อมกับส่งศพตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด ซึ่งหากผลการตรวจออกมาถึงจะมีความชัดเจนทราบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม
นายบุญเพ็ง มูลมี อายุ 53 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ได้มารับจ้างเหมาเกี่ยวข้าวให้กับผู้ตาย พร้อมกับเพื่อนบ้านหลายคน โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกไปซื้อน้ำแข็งในหมู่บ้านเพื่อเอามาให้แรงงานที่จ้างเกี่ยวข้าว ซึ่งก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกไปนั้นได้พูดจาวกวน พูดจาแปลกๆ และมีอาการเหม่อลอย โดยบอกว่า “ยังไม่เสร็จ สุดท้ายจะต้องตัดสินใจด้วยตนเอง” ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าคงจะพูดหยอกเล่นกับคนงาน กระทั่งหายไปนานหลายชั่วโมง จนมีคนมาบอกว่าถูกไฟคลอกตายในกระท่อมของเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยได้ยินผู้ตายบ่นว่าเครียดเรื่องต่างๆ ทั้งปัญหาเรื่องที่ดินปลูกอ้อยและปัญหาครอบครัว ส่วนลึกๆ สาเหตุนั้นไม่ทราบจริงๆ ทราบเพียงแต่ว่าผู้ตายไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหรือมีศัตรูกับใครมาก่อน