เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่แผนกคดีผู้บริโภค ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายทวีสิทธิ์ คงนวล และ น.ส.นงลักษณ์ ศรีแสง สองสามีภรรยา มอบอำนาจให้นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้ามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและน.ส.ศกุลรัตน์ ฤทธิ์สมิตชัย ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัทแห่งหนึ่งแพทย์สตินารี แพทย์อายุรกรรม และผู้อำนวยการโรงพยาบาลอกชนแห่งหนึ่ง ร่วมกันเป็นจำเลยที่1 – 4 เรื่องผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ 19,620,000 บาท
โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อปี 2558 น.ส.นงลักษณ์ โจทก์ที่2 ได้ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกทม. พบว่า เป็นเนื้องอกในมดลูกต้องรีบรักษาผ่าตัดด้วยวิธีเปิดหน้าท้อง แต่โจทก์ทั้งสองเห็นว่า มีภูมิลำเนาที่จ.สุราษฎร์ธานี และไม่อยากใช้วิธีเปิดหน้าท้อง จึงเข้ารักษาที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง สาขาจ.ภูเก็ต เนื่องจากเห็นว่า รพ. มีชื่อเสียง โดยโฆษณาผ่านเว็บไซต์ ว่า ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลมีเครื่องมือและแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ โจทก์จึงตัดสินใจทำสัญญารักษาพยาบาลผ่าตัดกับรพ.ดังกล่าว เมื่อวันที่ 11ส.ค.59 กระทั่งวันที่14 ส.ค.2559 โจทก์ที่ 2 มีอาการเวียนศีรษะ ลืมตาไม่ขึ้น แขนซ้ายชา ไม่มีเรี่ยวแรง จำเลยที่ 2และ3 มาตรวจ และปรึกษาหารือกันก็ทราบว่า เป็นอาการภาวะเส้นเลือดอุดตันในสมอง ต้องรักษาทันที แต่พวกจำเลยก็ไม่ได้รักษาทันที กลับส่งต่อให้แพทย์อายุรกรรม เฉพาะทางด้านสมอง มาตรวจรักษาแทน ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ล่าช้า ผิดสัญญาจ้างรักษาพยาบาล ไม่ปฏิบัติตามที่โฆษณาในเว็บไซต์
ทั้งจำเลยก็ไม่สามารถรักษาโจทก์ที่2 ต่อไปได้ ประกอบกับโจทก์หมดเงินเพราะค่ารักษาพยาบาลไปมาก จนต้องย้ายกลับมารักษาต่อที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ก่อนย้ายออกมาพักรักษาที่บ้าน
การกระทำของจำเลยทั้ง 4 ทำให้โจทก์ต้องนอนพักรักษากันเองโดยใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องให้อาหารโจทก์ที่ 2 ทางช่องท้อง ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ไม่รู้สึกตัว เป็นเจ้าหญิงนิทรา มีอาการพิการตลอดชีวิต ดังนั้นพวกจำเลยจึงต้องรับผิดในค่ารักษาพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องอีก 20 ปี ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และค่าทุกข์ทรมานทางจิตใจอีก 15 ปี รวมเป็นเงินที่ต้องชดใช้แก่โจทก์ทั้งสิ้น19,620,000บาท
ศาลรับฟ้องคดีไว้ และนัดพิจารณาคดี วันที่ 16กุมภาพันธ์ 62
ภายหลัง น.ส.ศกุลรัตน์ ฤทธิสมิตชัย หนึ่งในคณะทนายความของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า น.ส.นงลักษณ์ โจทก์ที่ 2 ตรวจพบว่า เป็นเนื้องอกในมดลูก จึงตัดสินใจเลือกใช้บริการโรงพยาบาลดังกล่าว เนื่องจากเห็นโฆษณา ว่าการรักษามีประสิทธิภาพมาตรฐานอย่างดี จนวันรุ่งขึ้นพบว่า มีอาการลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดในสมอง แต่รพ.กลับไม่ตัดสินใจรักษาให้ทันท่วงที ทำให้น.ส.นงลักษณ์เกิดภาวะวิกฤต นำไปสู่การเป็นผู้ป่วยติดเตียงจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ครอบครัวได้ฟ้องร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งทาง รพ.มาขอไกล่เกลี่ย นำเรื่องเข้าที่ประชุม ก่อนจะออกมาปฏิเสธว่าไม่อนุมัติเงินจำนวนดังกล่าว อ้างว่า ไม่ใช่ความผิดของ รพ. ให้ไปฟ้องร้องตามกฎหมายเอง ครอบครัวจึงมาร้องมูลนิธิฯ ขอให้นำคดียื่นฟ้องต่อศาลดังกล่าว
