รวบสาวเปิดเฟซบุ๊ค”ทรายแก้ว ภูทอง”ชวนลงทุนออนไลน์ สูญกว่า 133 ล้าน

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ก พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รรท.ผบก.ปอท. ,พ.ต.อ.สมเกียรติ เฉลิมเกียรติ ,พ.ต.อ.พุฒิเดช บุญกระพือ รอง ผบก.ปอท. ,พ.ต.อ.ศราวุฒิ บวรกิจประเสริฐ ผกก.2 บก.ปอท. ,พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ รอง ผกก.2 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมแถลงผลการจับกุม น.ส.ปฏิญญา ภูทอง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน เหตุเกิดในท้องที่ สน.ห้วยขวาง กรุงเทพฯ ภายใต้การดูแลโดย กก.2 บก.ปอท

พ.ต.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า น.ส.ปฏิญญามีพฤติกรรมการกระทำผิดคือ ได้เปิดเฟซบุ๊กร่วมลงทุนโดยใช้ชื่อว่า “ทรายแก้ว ภูทอง” พร้อมตั้งกลุ่มลับในชื่อว่า “บ้านทรายแก้ว ทรายพารวย” โดยในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกประมาณ 203 คน ประกาศโฆษณาชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาร่วมลงทุนโดยให้อัตราผลตอบแทนสูง ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่า จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในบ่อนการพนันทั้งในและนอกประเทศ โดยมีมารดาของตนเอง ดูแลระบบการเงินและผลตอบแทน

พ.ต.อ.ศราวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงแรกผู้ต้องหาจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้เสียหายเป็นอย่างดี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยจะใช้วิธีนำเงินลงทุนของลูกค้าคนใหม่มาจ่ายให้กับลูกค้าคนเก่าที่ลงทุนก่อน จนมีสมาชิกจำนวนมากหลงเชื่อนำเงินมาลงทุน โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหารวม 133 ล้านบาท

ขณะที่ผู้ต้องหาจะข่มขู่ผู้เสียหาย ว่าหากไปแจ้งความร้องทุกข์ จะถูกผู้ต้องหาขับออกจากกลุ่มลับและบล็อกเฟซบุ๊กทำให้ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก ผู้เสียหายบางส่วนที่ได้โอนเงินไปร่วมลงทุนแล้ว จึงไม่กล้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษ เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ได้เงินคืน ต่อมา มีผู้เสียหายที่ตัดสินใจไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุ จนกระทั่งขอศาลอนุมัติออกหมายจับได้

Advertisement

ต่อมา วันที่ 15 พ.ย.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.ปอท.ได้ตรวจค้นข้อมูลในฐานระบบ พบว่าผู้ต้องหามีหมายจับเป็นคดีค้างเก่า ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นกระทั่งพบว่า ผู้ต้องหามีที่พักอาศัยในหลายท้องที่ ทั้งใน จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และ จ.กำแพงเพชร ก่อนที่ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะสามารถรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อขอให้ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ออกหมายค้นและเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ไพบูลย์ ฝากเตือนประชาชนที่คิดว่าตนเองถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกว่า ขอให้เก็บข้อมูลต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งอีเมลล์ ไว้เป็นหลักฐาน โดยบันทึกภาพหน้าจอบทสนา และหลักฐานการโอนเงิน ไว้เพื่อประกอบการแจ้งความ และสำหรับกรณีการลงทุนออนไลน์ ขอให้ทราบชื่อ-นามสกุล ที่แท้จริงของบุคคลที่ร่วมลงทุนเพื่อง่ายในการสืบค้นไม่ใช่ชื่อบัญชีโซเชียลต่างๆ พร้อมกันนี้ ผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่ ที่เกิดเหตุได้ทันที

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image