นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ผู้รับบำนาญสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน เพื่อช่วยเหลือข้าราชการบำนาญกว่า 2 แสนคน รับเงินเพิ่มขึ้นรวมกันกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยเสนอให้แก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ออกตามความใน พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ออกตามความใน พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
นางสาวสุทธิรัตน์กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวทำให้ ปรับเพิ่มเงินให้ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญซึ่งได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดบำนาญรวมกันทุกประเภท และรวม ช.ค.บ. แล้ว ต่ำกว่าเดือนละ 1 หมื่นบาท ให้ได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มขึ้นเมื่อรวมกับเบี้ยหวัดบำนาญแล้วจะได้รับเงิน เดือนละ 1 หมื่นบาท มีข้าราชการในกลุ่มนี้ 5.27 หมื่นคน ต้องใช้งบประมาณ 558 ล้านบาทต่อปี
นางสาวสุทธิรัตน์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังขยายเพดานของวงเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ผู้รับบำนาญซึ่งมีอายุตั้งแต่ 70 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มอีก 1 แสนบาท จากเดิมที่ให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 4 แสนบาท เป็น ให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท หากผู้รับบำนาญเคยขอรับบำเหน็จดำรงชีพไปบางส่วนแล้ว ให้ขอรับได้ไม่เกินจำนวนเงินที่ยังไม่ครบตามสิทธิ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท โดยมีข้าราชการบำนาญในกลุ่มนี้ 1.59 แสนคน ต้องใช้เงินงบประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยจ่ายเงินให้ข้าราชการบำนาญในลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2546 ไม่เกิน 2 แสนบาทต่อคน และพอถึงอายุ 65 ปีจ่ายให้อีกไม่เกิน 2 แสนบาท โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จ่ายข้าราชการบำนาญที่มีอายุ 70 ปีขึ้น อีกคนละไม่เกิน 1 แสนบาท
“หลังจากที่กฎกระทรวงประกาศใช้แล้ว จะมีผลใช้บังคับใน 60 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กรมบัญชีกลางจะร่างหลักเกณฑ์และปรับระบบการจ่ายเงินให้รองรับกับการขอรับบำเหน็จดำรงชีพตามวงเงินที่กำหนดขึ้นใหม่ และจะประกาศหลักเกณฑ์ให้ทราบโดยเร็วต่อไป”นางสาวสุทธิรัตน์กล่าว
