แฉอีกโอท็อปร้าง20ล.!! ราชการเกณฑ์แม่ค้ามาขายแต่ไม่สร้างถนนเข้าตลาด ล่าสุดชงงบเพิ่มอีก10ล.

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายสุวิทย์ พุกกะเวส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาตลาดร้างไม่มีผู้จำหน่ายสินค้า หลังจากหน่วยงานราชการใช้งบพัฒนาจังหวัดกว่า 20 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2561 ทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยที่เชิงเขาทุ่งกระต่ายขัง ริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ หมู่ 3 ต.อ่าวน้อย ใกล้กับที่ทำการ อบต.อ่าวน้อย จากการตรวจสอบพบว่าก่อนที่ตนมารับตำแหน่ง ฝ่ายปกครองอำเภอเริ่มทำโครงการครั้งแรกตั้งเดือนกันยายน 2558 เพื่อเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าการเกษตร และสินค้าโอท็อป ดังนั้น ต้องตรวจสอบว่าการก่อนทำโครงการมีการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อนหรือไม่ โดยเฉพาะเจ้าของร้านค้าที่ย้ายมาจากบริเวณริมถนนเพชรเกษม ซึ่งปัจจุบันเหลือผู้ประกอบการจำหน่ายไม่ถึง 10 ราย จากร้านค้าย่อยที่สร้างไว้ 48 ล็อก

“ทุกฝ่ายจะเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ 2562 หลังจากได้รับมอบพื้นที่จากกรมทางหลวง แต่ล่าสุดทราบว่าต้องใช้งบเพิ่มอีกกว่า 10 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างถนนในโครงการ เชื่อมกับถนนเพชรเกษม เนื่องจากการออกแบบที่ผ่านมา ยังมีปัญหาจากกรมทางหลวงไม่อนุญาตให้มีการเชื่อมเส้นทางเข้าออกกับถนนเพชรเกษม ทำให้ปัจจุบันรถทัวร์โดยสารหรือรถนำเที่ยวไม่สามารถแวะจอดพักได้ และในอนาคตหากดำเนินการเสร็จสิ้นจะเสนอให้บริษัท ขนส่ง จำกัด จัดทำจุดพักรถในบริเวณดังกล่าว ส่วนตัวผมยืนยันว่าจะเข้าไปแก้ปัญหาเพราะมีการจัดสรรงบก่อนผมมารับตำแหน่ง“ นายสุวิทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากไม่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจแวะซื้อสินค้านานกว่า 2 เดือน นับจากวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าของร้านค้าในศูนย์โอท็อปเก็บสินค้าทั้งหมดไปขายในพื้นที่อื่น แม้ว่าทางราชการจะเปิดให้ขายสินค้าโดยไม่เก็บค่าเช่า ขณะเดียวกันพบว่าซุ้มร้านค้าสำเร็จรูปหลายหลังที่ผลิตจากไม้ไผ่และมุงหลังคาจาก ที่อำเภอใช้งบของทางราชการจัดซื้อ เพื่อเร่งเปิดตลาดนัดเมื่อเดือนกันยายน 2558 ปัจจุบันถูกกองทิ้งในสภาพเสื่อมโทรมใกล้กับสำนักงาน อบต.ทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ้นเปลืองงบประมาณและขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเดินทางไปตรวจสอบการใช้งบ

นายไพศาล วงศ์แสงเอี่ยม อายุ 71 ปี เจ้าของร้านค้าในตลาด กล่าวว่า หลังจากราชการใช้งบก่อสร้างเสร็จแล้ว ได้แจ้งให้พ่อค้าแม่ค้า ช่วยดูแลรักษาความสะอาดห้องน้ำ ห้องสุขา เนื่องจากไม่มีการจ้างพนักงานดูแลโดยตรง สำหรับตลาดดังกล่าวแม้ว่าจะมีรายได้จากการขายสับปะรดผลสดหรือของฝากไม่มาก แต่ตนต้องทนขายต่อไป เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย หลังจากหลายปีก่อน อพยพครอบครัวมาจาก จ.นครปฐม เพื่อขายของริมถนนเพชรเกษม จากนั้นทางราชการได้เกณฑ์ให้ไปขายสินค้าในตลาดปัจจุบัน หากตลาดแห่งนี้ขายสินค้าได้ดี ตนคงไม่มีโอกาสเข้ามาจำหน่าย เนื่องจากไม่ใช่บุคคลในพื้นที่ และขอให้หน่วยงานในจังหวัดตรวจสอบการทำหน้าที่ของคณะกรรมการตลาด 2 ชุด ไม่มีการปิดป้ายประชาสัมพันธ์ และดูแลตลาด นอกจากนั้นพบว่ามีการนำรายชื่อญาติมาสวมสิทธิในร้านค้า แต่ไม่มาจำหน่ายจริง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image