ท่องเที่ยวต.ค.ติดลบครั้งแรกในรอบปี ชาวจีนหาย20% “ฟรีวีซ่า”ยังไม่แสดงผลงาน (มีคลิป)

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวเดือนตุลาคมปี 2561 ในส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย ยังได้ตามเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาทหรือไม่ เนื่องจากเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น และยังมีรายได้ต่ำกว่าเป้ามาก ส่วนไทยเที่ยวไทยมั่นใจทำได้ 1 ล้านล้านบาทตามเป้าหมาย ส่วนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวปลายปีนี้ ขณะนี้ต้องรอติดตามผลตอบรับของมาตรการฟรีวีซ่า ที่เริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2561-31 มกราคม 2562 ว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แค่ไหน เพื่อนำผลที่ได้มาปรับแก้ต่อไป

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า เดือนตุลาคม 2561 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 2,712,033 คน เป็นนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกมากที่สุด 1,847,633 คน ลดลง 0.51% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือเป็นการติดลบเดือนแรกของปี 2561 โดยเป็นผลจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน 20% แม้ว่าจะมีการออกมาตรการฟรีวีซ่า 21 ประเทศ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่นักท่องเที่ยวจีนเพียง 10%แม้แนวโน้มดีขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าเดิมและยังคงมีจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย สะท้อนให้เห็นว่าไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอันดับ 1 ของจีน รองลงมา คือ มาเลเซีย ลาว เกาหลี และญี่ปุ่น ตามลำดับ ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1.41 แสนล้านบาท และช่วง 10 เดือนปีนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 31 ล้านคน ขยายตัว 7.84% และสร้างรายได้กว่า 1.63 ล้านล้านบาท ขยายตัว 9.98%

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า ส่วนนักท่องเที่ยวไทนเที่ยวไทย เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2561 มีกว่า 13.44 ล้านคนต่อครั้ง และก่อรายได้กว่า 9.3 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 4.50% เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นเมืองหลักขยายตัว4% เมืองรอง ขยายตัว8% ถือเป็นครั้งแรกที่การขยายตัวของเมืองรองสูงกว่าเมืองหลัก สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่างๆ ที่ภาครัฐผลักดันให้เกิดขึ้นค่อนข้างได้ผลตอบรับที่ดี และการผลักดันให้คนไทยเที่ยวไทยมีการขยายตัวที่เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นความหวังในภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย

“ มาตรการฟรีวีซ่า 21 ประเทศ ถือว่าได้ผลระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการมากที่สุดคือ มาตรฐานในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไทยต้องทำให้การท่องเที่ยวได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น ทำให้หน่วยงานของภาครัฐในด้านการท่องเที่ยวต้องทำงานหนักมากขึ้นอีก เพื่อให้เกิดความสะดวก สะอาด และปลอดภัย แก่นักท่องเที่ยว อาทิ การรับรองมาตรฐานเรือที่จะออกจากฝั่ง การจัดทำข้อมูลเพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเรื่องคุณภาพและมาตรฐานในด้านการท่องเที่ยว ไม่สามารถทำได้ในทันทีเหมือนกับการลดราคา ทำให้ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ แต่ตนเชื่อว่าเบื้องต้นทุกฝ่ายพยายามช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว” นายพงษ์ภาณุ กล่าว

Advertisement

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า การลาออกของตน นั้น เนื่องจากจะเข้าทำงานในภาคเอกชน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเพื่อไม่ให้เกิดการมีผลประโยชน์ทับซ้อนกัน รวมถึง กระทรวงฯมีคุณภาพและได้มาตรฐานมากขึ้น ด้านระบบการทำงานดีขึ้นมากแล้ว ทำให้ตัวบุคคลอาจไม่จำเป็นมากนัก สำหรับเรื่องการสอบทุจริตของปลัดกระทรวงฯ คนก่อนนั้น ถือเป็นความลับในราชการไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นคาดว่าอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานของราชการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image