จี้’กรมทรัพย์สินทางปัญญา’พิจารณาคำคัดค้านขอสิทธิบัตรล่าช้ากว่า 3 ปี ด้านกรมฯส่งจนท.รับหนังสือ-ไร้ทางออก

จากกรณีที่มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ได้ยื่นคัดค้านคำขอรับสิทธิบัตรยาต้านไวรัสเอชไอวี และยารักษาไวรัสตับอักเสบซีต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 แต่กรมฯ ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จนั้น

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ ได้ยื่นคัดค้านคำขอสิทธิบัตรยาต้านไวรัสเอชไอวี และยารักษาไวรัสตับอักเสบซีตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 จนเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว แต่กรมฯ ก็ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ และไม่มีความชัดเจนว่าจะพิจารณาเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ซึ่งมีผลอย่างยิ่งว่า ถ้าไม่รีบตรวจสอบหรือชี้ไปในทางใดทางหนึ่ง ผู้ยื่นขอสิทธิบัตรสามารถอ้างได้แล้วว่ายาตัวนี้ได้สิทธิบัตรตามกฎหมายนับแต่วันที่ยื่นคำขอ หากกรมฯ พิจารณาว่าไม่มีสิทธิ บริษัทยาอื่นก็จะได้เริ่มผลิตยา ทำให้เกิดการแข่งขัน และราคายาก็จะถูกลง ระบบหลักประกันสุขภาพจะสามารถต่อรองราคายาได้มากขึ้น ถ้าไม่มีการผูกขาด โดยใช้จ่ายงบประมาณในจำนวนเท่าเดิม แต่จะเพิ่มจำนวนเม็ดยา จำนวนผู้ป่วยให้เข้าถึงยาได้มากขึ้น

“ทรัพย์สินทางปัญญาไม่ควรเป็นเครื่องมือในการผูกขาด จนเป็นเหตุให้คนเข้าถึงยาไม่ได้ ทั้งที่มีความจำเป็น การยื่นคัดค้านคำขอสิทธิบัตรจำนวน 5 ฉบับของมูลนิธิฯ เพราะเรามีข้อมูลเชื่อได้ว่าคำขอทั้ง 5 ฉบับนี้ไม่เข้าข่ายที่จะได้รับสิทธิบัตร เช่น ยาไม่ใหม่จริง หรือนำยาเก่ามารวมเม็ดใหม่ จนทำให้ผู้ป่วยเข้าไม่ถึงยา ทั้งยาต้านไวรัสเอชไอวี และยารักษาไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งการมีสิทธิบัตรจะทำให้ยามีราคาแพง และส่งผลกระทบต่อชีวิตคน” ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์กล่าว

นายนิมิตร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ฐานข้อมูลของกรมฯ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถค้นหาได้ว่ารายละเอียดการขอสิทธิบัตรเป็นอย่างไร หรือเมื่อทำจดหมายไปสอบถามทางกรมฯ ก็แจ้งว่ายังไม่มีการยื่นขอสิทธิบัตร ทั้งที่มีบริษัทยามายื่นขอในช่วงเวลาที่มูลนิธิฯ สอบถามไป แบบนี้ถือว่ามั่วหรือไม่ ขณะที่ กรมฯ ทำเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบกับชีวิตคน เพราะเป็นการให้สิทธิผูกขาดในการคิด ผลิต ขายแต่เพียงผู้เดียว แล้วการันตีการผูกขาดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา

Advertisement

ทั้งนี้ มูลนิธิฯ และเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ เรียกร้องให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการดังนี้ 1.ชี้แจงกรณีพิจารณาคำคัดค้านล่าช้า และมีกำหนดระยะเวลาที่จะมีคำตัดสินคำคัดค้านที่ชัดเจนและไม่เกิน 4 ปี 2.ให้ความเชื่อมั่นต่อสาธารณะว่าข้อมูลที่ยื่นหลังประกาศโฆษณาเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอสิทธิบัตร จะถูกนำไปพิจารณาประกอบกับข้อมูลแหล่งอื่นๆ 3.แสดงความรับผิดชอบต่อการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด โดยเฉพาะกรณียา TAF และ 4.ต้องแก้ไขระบบฐานข้อมูลโดยทันทีให้สามารถสืบค้นได้อย่างสะดวก ข้อมูลครบถ้วน ถูกต้อง และทันเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมเป็นตัวแทนด้านให้บริการออกมารับเรื่องแทน โดยระบุกับตัวแทนมูลนิธิฯว่า ผู้บริหารระดับสูงของกรมฯ ทั้งอธิบดี และรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ติดภารกิจนอกกระทรวง และยังไม่ได้ระบุว่าจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไรกับคำร้องขอของมูลนิธิฯ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image