‘บิ๊กตู่’ วอนหอการค้าช่วยขับเคลื่อนปท. ดักคอนักการเมืองอย่าแค่ขายฝัน

เมื่อเวลา 09.30 น. เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้ง 36 เรื่อง “การปฏิรูปประเทศสู่ ไทยมั่งคั่ง ไทยมั่นคง ไทยยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ยินดีที่พบปะทุกท่านในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ เป็นวาระสำคัญ 85 ปี หอการค้า มีการพัฒนามาเป็นลำดับ ซึ่งทุกท่านความความสำคัญ เป็นเครื่องจักรในการพัฒนาประเทศ เพราะเป็นกลไกในเรื่องของการค้า เป็นบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย ว่าเราจะเป็นประเทศที่จะหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางใน 20 ปี เราถึงกำหนดยุทธศาสตร์ชาติซึ่งไม่ใช่สืบทอดอำนาจ และจากการไปต่างประเทศหลายครั้งก็ชื่นชมใน 3 สิ่งของไทย คือการท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม อาหารอร่อย และรอยยิ้มของคนไทย ซึ่งตนไปต่างประเทศยิ้มมาตลอด แต่พอกลับมาแล้วยิ้มไม่ออก เพราะมีหลายเรื่องกดดันเหมือนกัน จึงต้องเตรียมพร้อมเทคโนโลยีที่จะเข้ามา อย่ามองแต่ว่าจะต้องได้อะไร ต้องมีกำไรไปทั้งหมด ที่สำคัญเวลานี้ไทยมีปัญหาแรงงานภาคเกษตร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของประเทศ ที่ต้องช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ทำส่วนนี้มาใช้ประโยชน์ในการค้าการลงทุนไปพร้อมการพัฒนาและการปฏิรูปที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน ที่ผ่านมารัฐบาลช่วยแก้ไขละอำนวยความสะดวกในสิ่งที่ติดขัดและเป็นปัญหาไปมาแล้ว ในภาคธุรกิจก็ต้องเตรียมพร้อมโดยอาศัยความร่วมมือทุกมิติไม่ใช่แค่รัฐบาล ซึ่งเป็นแค่ผู้อำนวยการแก้ไขข้อบังคับ และกฎหมายบางเรื่องที่ติดขัดเพื่อให้ไร้รอยต่อ เพราะบางอย่างมีแค่นโยบาย จึงต้องปลดล็อกในเรื่องเหล่านี้ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเราต้องคิดให้ทัน ต้องทำให้คนในประเทศคิดให้ทัน บางทีต้องยอมรับการเติบโตในทางดิจิตอลและการปฏิรูปต่างๆ อย่ามานั่งติติงว่าจะไป 4.0 ได้อย่างไรในเมื่อยังเป็น 0.4 ไม่ใช่หรือ ตนไม่ได้บอกว่าทุกคนในห้องจะไป 4.0 ทั้งหมด อย่าไปกังวลตรงนั้น เราก็จะพัฒนาแต่ละช่วงกันไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนวิจารณ์ว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งไม่ใช่การหาเสียง เพราะเวลานี้มีคนที่รายได้ต่ำกว่า หนึ่งแสนบาทต่อปี 14.7 ล้านคน และจะให้ช่วยทั้งหมด 60 ล้านก็ไม่ไหว ทั้งนี้ถ้าอยากจะเอาใจคนก็ให้ไป แล้วคนก็รักแต่ประเทศชาติเสียหายหรือไม่ บัตรประชารัฐก็ต้องดูว่าเอาเงินในส่วนไหนมาให้ในส่วนนี้ก็ต้องไปช่วยอีกแบบ แต่ไม่ใช่เอาภาษีไปช่วยคนจนทั้งหมดอย่างที่วิจารณ์ เพราะภาษีมาจากหลายทาง ที่ออกมาบอกว่าว่าจะล้มนั่นล้มนี่ 4 ปีที่ทำมาไม่ได้ง่ายนะ และขออย่ามองว่ารัฐบาลนี้ช่วยแต่คนรวยไม่ช่วยคนจน เพียงเพราะคิดเร็วแต่ไม่เข้าใจปัญหา

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนตามที่มีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาตนไม่ได้เก่ง แต่ยอมรับว่าปัญหาเยอะและเหนื่อย มีรัฐมนตรีมาถามว่า เป็นผบ.ทบ.มาเป็นนายกฯเป็นอย่างไร ตนก็ตอบว่า จะเป็นอย่างไรก็เหนื่อยสิ เป็นมา 13 ปี แต่มีกำลังใจ อยู่ แค่ไหนก็แค่นั้นขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้านึกถึงประเทศเหมือนตอนเป็นผบ.ทบ. เสี่ยงแค่ไหนก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีหน้าที่ตนก็ไม่ทำ และตนไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง ไม่ปฏิเสธประชาธิปไตย ตลอดเวลาทำงานเพื่อหยุดความขัดแย้ง พร้อมกับเดินหน้าตามโรดแมป ดังนั้นนักการเมืองที่จะเข้ามาต้องมองไปข้างหน้า อย่าใช้เรื่องความรวยมหาศาล หรือจนมหาศาลมาหากินทางการเมือง ซึ่งคนที่หาเสียงบอกว่าจะแก้ปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้ต้องให้นักการเมืองและพรรคการเมืองอธิบายด้วยว่า ปลดล็อกแล้วเขาจะทำอะไรให้ประเทศไทย ถ้าไม่มีวิธีการก็อย่าไปเชื่อ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และต้องให้บอกด้วยว่าจะแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นจะมาหากินกับคนยากคนจนที่คาดหวังว่าเลือกส.ส.เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา แล้วก็ผิดหวังทุกทีกลับไปเหมือนเดิม ส่วนที่บอกว่าการเลือกตั้งเงินจะสะพัดนั้นมาจากการเดินทางไปมาหาสู่ แต่ไม่อยากให้แพร่สะพัดด้วยเงินนอกระบบ 4-5หมื่นล้านนั้นคงไม่ใช่เรื่องปกติ

Advertisement

นายกฯ กล่าวว่า มีคนบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำเพื่อแสวงหาอำนาจ เป็นการผูกขาด ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ทำเพื่อตนแต่ทำเพื่อประเทศ ทุกคนต้องพูดอย่างนี้ ว่าจะทำเพื่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่บอกว่ายุทธศาสตร์ไม่มีประโยชน์ วันนี้เราเดินหน้าด้วยประชารัฐ ซึ่งมีนักธุรกิจและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แต่มีคนใช้เป็นจุดหากินทางการเมืองว่า คนรวยก็รวย คนจนก็ยิ่งจน นักการเมืองต้องมองไปข้างหน้า อย่าไปฟังติติงรัฐบาล ตนก็เลิกฟังแล้ว เสียเวลา ชอบถามยั่วอารมณ์ รู้ว่าตนยั่วขึ้นหรือไง ตนต้องทำตัวให้เย็นลง ขออย่างเดียวสัญญาว่าจะช่วยตน ข้าราชการก็ต้องช่วยกัน

นายกฯ กล่าวว่า คดีทุจริตเข้าสู่กระบวนการไปตั้งเท่าไหร่แล้วในยุคนี้ ตนไปยุ่งมากๆก็ไม่ได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้ไปไล่ล่าฆ่าฟันใคร และเปิดให้ต่อสู้ทั้ง 3 ศาล ชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ก็ต้องถูกดำเนินคดี ตนยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องทุจริตอื่นๆก็ส่งเรื่องมาตนก็ตรวจสอบให้หมด แต่พอตรวจสอบแล้วก็ไม่มีหลักฐานก็มาบอกว่าตนไม่เอาจริง มันไม่ใช่ มันมีกระบวนการจะให้เอาไปติดคุกหมดก็ไม่ใช่ เวลานี้ตนตั้งผู้ว่าฯเป็นนายกฯท้องถิ่นเผื่อแก้ปัญหาแล้วส่งขึ้นมา ขออย่าให้ลงไปล่วงลูกถึงข้างล่าง วันนี้พูดเสร็จกลับไปปวดหัวทั้งวัน ตนไม่ค่อยได้มีโอกาสรื่นเริง หลายปี ทำงานกลับบ้านเข้าทำเนียบ ไปต่างประเทศกลับบ้านเข้าทำเนียบแต่บ่นไม่ได้

“เขาบอกว่า คนเป็นนายกห้ามบ่น ต้องพูดเพราะๆ สวัสดีครับ ยิ้ม ใครจะถามอะไรก็แล้วแต่ ครับผมๆ เขาก็ถามผมคำเดิม คนแรกถามคำถาม พอคนที่สิบก็ถามคำถามแรก เขาบอกผมไม่ต้องตอบก็ได้ ถ้าไม่ตอบก็หาว่า ผมงอน โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง” นายกฯกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image