เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 2 ธันวาคม ที่อาคาร ทู แปซิฟิก เพลส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) กล่าวถึงการแบ่งเขตการเลือกตั้งที่ออกมาทำให้พรรครปช.ได้เปรียบ หรือเสียเปลี่ยนอย่างไร นายสุเทพ ว่า ไม่มีปัญหา เรื่องการแบ่งเขต เขาแบ่งมาอย่างไรก็ลงสมัคร ทั้ง 350 เขต และเป็นเรื่องที่ประชาชนจะลงคะแนนให้ใคร ถ้าประชาชนเชื่อมั่นในระบบ นโยบาย วิสัยทัศน์ของพรรค ประชาชนก็ลงคะแนนให้ จะแบ่งเขตอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องความผิดปกติในการแบ่งเขตนั้น ทางพรรคไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้เลย อาจจะมีบ้างที่คนคิด แต่เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องควบคุมให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ชอบธรรม ให้การเข้าสู่อำนาจเป็นไปอย่างชอบธรรม ส่วนพรรคเล็กๆ ที่บอกว่ายังไม่พร้อมให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นั้น ทางพรรครปช.ก็เป็นพรรคน้องใหม่เหมือนกัน ที่ผ่านมาก็เจอปัญหา เช่น แผนการทำงาน ซึ่งคสช.ไม่อนุญาต รวมถึงปัญหาการทำงานในเรื่องต่างๆ ของพรรค แต่สุดท้ายเราก็แก้ปัญหาภายในได้เอง ทั้งนี้ คิดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น 24 กุมภาพันธ์ แน่ เพราะประชาชนต่างก็เฝ้ารอให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและคาดว่าปัญหาต่างๆ จะดีขึ้นหลังเลือกตั้ง เชื่อว่าคสช.คงไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกไปยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย
เมื่อถามว่าพรรครปช.ยืนยันจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ถ้าใครรวมเสียงได้เกินครึ่งก็ได้ จะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ หรือใครก็ไม่เป็นปัญหา พรรคก็ไม่เป็นปัญหา จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้ แค่สามารถผลักดันวาระต่างๆ แต่ถ้าหากว่า รปช.ได้เป็นรัฐบาลก็สามารถผลักดันนโยบายของรปช.ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ถ้าใครอยากให้เราเข้าไปร่วมรัฐบาลก็ต้องยอมรับนโยบายของเรา สำหรับวันที่ 7 ธ.ค.ได้รับจดหมายหารือร่วมแล้ว ซึ่งเลขาธิการพรรคจะเป็นผู้นำทีมไปหารือ
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงเรื่องการประชุมสมัชชาใหญ่ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ที่จะมีการเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หากที่ประชุมมีมติเลือกตนเป็นหัวหน้าพรรค ขอประกาศอีกครั้งหนึ่งว่าจะไม่รับตำแหน่งอะไรในพรรคทั้งสิ้น แม้เป็นมติพรรคก็บังคับตนไม่ได้ สิ่งที่รับคือรับใช้ ผู้บริหารพรรคจะใช้ทำอะไร ประชาชนจะใช้ทำอะไรก็จะทำให้ จะเอาประสบการณ์การเป็นนักการเมืองมารับใช้ และย้ำว่าจะไม่ลงสมัคร ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบ่งเขต แต่ทำหน้าที่เป็นโค้ช ให้พรรคการเมืองนี้แข็งแรง แข้งแกร่งพอที่จะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
