นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) ทั่วไปเดือนพฤศจิกายน 2561 เท่ากับ 102.40 โดยสูงขึ้น 0.94% เทียบเดือนพฤศจิกายน 2560 ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 แต่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวเป็นเดือนที่ 3 สาเหตุกลุ่มพลังงานราคาชะลอตัวจากสูงขึ้น 8.11% ในเดือนตุลาคม มาสูงขึ้นแค่ 3.29% ขณะที่กลุ่มอาหารและสินค้าทั่วไปราคาสูงขึ้น เช่น ข้าว แป้งสูงขึ้น 4.12% ค่าอาหารปรุงในบ้านและนอกบ้านสูงขึ้น 2.11% รวมถึงแนวโน้มราคาภาคเกษตรสูงขึ้น โดยสินค้า 422 รายการในการคำนวณเงินเฟ้อ มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 222 รายการ ไม่เปลี่ยนแปลง 83 รายการ และสินค้าราคาลดลง 117 รายการ
“แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนธันวาคมปีนี้น่าจะสูงขึ้น จาก 11 เดือน เงินเฟ้อสูงแล้ว 1.13% จะทำให้เงินเฟ้อทั้งปี 2561 สูงขึ้น 1.20% เป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 4 ปี นับจากปี 2557 และไทยถือว่าเป็นประเทศเงินเฟ้อต่ำอันดับสองในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ส่วนการเติมเงินปีใหม่ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยอีก 500 บาท เชื่อว่าไม่กระทบต่อเงินเฟ้อสูงขึ้นโดยตรง เท่ากับราคาเกษตรที่สูงขึ้น”
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า ส่วนดัชนีเงินเฟ้อปี 2562 ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น 1.2% และอยู่ในกรอบ 0.7-1.7% บนสมมุติฐานจีดีพีไทยขยายตัว 3.5-4.5% ราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) เฉลี่ย 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 32.5-33.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อเงินเฟ้อ คือ ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร งบลงทุนจากภาครัฐที่จะกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคในประเทศสูงขึ้น และสงครามการค้าสหรัฐกับจีนแนวโน้มคลี่คลายลง โดยประเมินเงินเฟ้อไตรมาสแรกปี 2562 สูงขึ้น 1-1.2%
